Kaosuaylunla Diary: Lifestyle
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Lifestyle แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Lifestyle แสดงบทความทั้งหมด
พูดถึงเครื่องชงกาแฟในบ้าน นอกจากวิธีเบสิกแบบกาต้มน้ำร้อนใส่กาแฟสำเร็จรูป หลายๆคนก็อยากจะทานกาแฟสดแท้100% ที่พรีเมียมขึ้นมาหน่อย ปัจจุบันมีนวัตกรรมที่ทำให้เราสามารถดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟได้เหมือนยกร้านกาแฟสดมาไว้ที่บ้าน แถมราคาไม่แพงอย่างที่คิด ถ้าซื้อทานข้างนอกยังไงก็ไม่ต่ำกว่าแก้วละ 50-60 บาท บางเจ้าราคาหลักร้อยด้วยซ้ำ ทานทุกวันยังไงก็ต้องเสียเงินกันไม่ใช่น้อย


วันนี้ขอนำเสนอรีวิวเครื่องชงกาแฟแพ็กเกจรายเดือน Starter Package NESCAFÉ Dolce Gusto รุ่น Lumio


ปกติตัวเครื่องอย่างเดียวราคาเริ่มต้นที่ 4,490 บาท สำหรับรุ่น Lumio (ลูมิโอ้) ราคา 4,990 บาท มีให้เลือกด้วยกัน 3 สี คือ แดง ดำ และขาว
สีขาวที่เลือกมาเพราะว่าความน่ารักเหมือนตัวละครอีวาในแอนิเมชั่น Wall-E ตั้งเอาไว้มองเผินๆดูเป็นเหมือนของประดับตกแต่งบ้านมากกว่าเครื่องใช้ในครัว ดีไซน์ถูกออกแบบให้ดูโฉบเฉี่ยว ทันสมัยและกะทัดรัดประหยัดพื้นที่ สามารถนำไปจัดวางได้ทุกมุมไม่ว่าจะในห้องครัวหรือห้องนั่งเล่น มาพร้อมกับแท๊งค์น้ำขนาด 1 ลิตร ครบครันด้วยประโยชน์และการใช้งานในทุกรูปแบบ ชงเครื่องดื่มออกมาได้มากว่า 14 เมนู ตัวเครื่องประกอบร่างใช้งานได้ง่ายมาก


นอกเหนือจากการซื้อเครื่อง + แคปซูล แบบปกติที่ต้องควักเงินครึ่งหมื่น วันนี้มาแนะนำวิธีเป็นเจ้าของเครื่องชงกาแฟกันได้แบบฟรีๆ เพียงสมัครสมาชิกกาแฟรายเดือน Starter Package เพื่อสั่งซื้อแคปซูลกาแฟ 3 กล่อง ในราคาประมาณ 897 บาทและแน่นอนว่าการเป็นสมาชิกนี้จะทำให้ได้รับสิทธิในการสั่งซื้อแคปซูลในราคาที่ถูกลงด้วย (ลด 10%) พร้อมมีรับประกันเครื่อง 2 ปี กับบริการ Pick & Repair Service ไปรับเครื่องมาซ่อม และส่งคืนถึงหน้าบ้าน แถมยังเลือกเปลี่ยนรสชาติกาแฟและเครื่องดื่มในแต่ละเดือนได้มากถึง 14 รสชาติ ไม่จำเป็นต้องกินกาแฟรสชาติเดิมๆติดต่อกันทุกเดือนนะจ๊ะ


พยายามหาคู่มืออ่านแบบละเอียดๆ ปรากฎว่าเค้าออกแบบมาเป็นภาพ infographic สามารถเข้าใจได้ง่าย เอาจริงๆตอนแรกก็งงๆว่ามันต้องใช้อะไรยังไงนะ แต่พอลองทำตามทีละรูปไปเรื่อยๆก็ถึงบางอ้อเอาเองว่า
เอ๊ออ มันใช้งานง่ายจริงๆด้วย
ใครอยากให้อธิบายแบบละเอียดๆถึงวิธีการเปิดใช้งานเครื่องเนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ รุ่น ลูมิโอ้ เป็นครั้งแรก สามารถทำตามขั้นตอนเหล่านี้ได้เลยค่ะ

1. ล้างทำความสะอาดแท๊งค์บรรจุน้ำให้เรียบร้อยแล้วเทน้ำลงไปอย่าให้เกินขีด MAX


2. ใส่กรวยพลาสติกเข้าไปในที่บรรจุแคปซูลเพื่อดำเนินการล้างเครื่องก่อนใช้งาน


3. ประกอบร่างแล้ววางแก้วทนความร้อนให้ตรงจุดปล่อยน้ำ จากนั้นเสียบปลั๊ก จะเห็นไฟ LED สีเขียว เราสามารถเลือกระดับน้ำ มาก-น้อย โดยการเลื่อนไฟขึ้นลงให้ตรงกับการใช้งานที่ต้องการ


(สัมผัสแล้วกลิ้งเบาๆ ไฟจะวิ่งตาม)

4. เลื่อนคันโยกไปทางระบบน้ำเย็น (สีฟ้า) เพื่อปล่อยให้น้ำเย็นผ่านตัวล้างก่อน 1 ครั้งจนหยุดอัตโนมัติ

(สีน้ำล้างครั้งแรกจะขุ่นๆหน่อย)

5. เทน้ำทิ้งแล้วเอาแก้วมาวางจุดเดิมก่อนเลื่อนคันโยกไปทางระบบน้ำร้อน (สีแดง) 

(น้ำดูใสขึ้นทันทีหลังจากล้างไปแล้วรอบนึง)

6. หยิบพลาสติกที่ใช้ล้างออกจากช่องใส่แคปซูลแล้วก็พร้อมใช้งานตามปกติได้เลย :)


รีวิววิธีการชงกาแฟแคปซูลด้วย
NESCAFÉ Dolce Gusto รุ่น Lumio (WHITE)


โดยหลักๆแคปซูล NESCAFÉ Dolce Gusto จะมีทั้งหมด 3 แบบ คือแบบกาแฟดำ (ตระกูล Espresso) แบบกาแฟนม (พวกลาเต้ มอคค่า คาปูชิโน่ต่างๆ) และแบบเครื่องดื่มพิเศษอื่นๆ (ชาเขียว ช็อคโกแลต) วิธีชงจะแตกต่างกันนิดหน่อย แต่หลักๆแล้วฟังก์ชั่นการใช้งานของเครื่องชงกาแฟคล้ายๆกันค่ะ

1. ขั้นแรก แน่นอนว่าต้องเสียบปลั๊ก (ไม่มีไฟน้ำจะไม่ร้อนนะจ๊ะ 555)
2. ขั้นที่สอง เตรียมแก้วให้ถูกชนิดกับเครื่องดื่มของเรา (แก้วร้อนหรือแก้วเย็น)
3. ขั้นที่สาม ใส่แคปซูลตามลำดับให้ถูกต้อง ส่วนใหญ่เอสเปรสโซ่จะใช้แคปซูลเดียวต่อ 1 แก้วร้อน ส่วนกาแฟนมกับเครื่องดื่มพิเศษจะใช้แคปซูล 2 สี ต่อ 1 แก้ว คือชั้นที่เป็นเครื่องดื่มกับชั้นที่เป็นนม


4. เมื่อใส่แคปซูลแล้ว ก็เลือกระดับน้ำตามที่แนะนำบนกล่องหรือบนฝาแคปซูลเพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมตามสูตรของ NESCAFÉ Dolce Gusto

(แคปซูลนี้ใช้น้ำ 3 ขีด)

5. โยกก้านปล่อยน้ำให้ถูกตามชนิดเครื่องดื่มที่ทำด้วยนะ

(แก้วร้อนหรือเย็น โยกไปให้สุดแล้วปล่อยให้เครื่องทำงาน)

6. เมื่อใช้งานเสร็จแล้วอย่าลืมเอาแคปซูลออกไปทิ้งแล้วล้างถาดใส่แคปซูลทุกครั้งด้วยนะ


รีวิวกาแฟแคปซูล NESCAFÉ Dolce Gusto 3 รสชาติ

แพ็กเกจรายเดือนเริ่มต้นที่ 3 กล่อง ได้มา 3 รส แต่จริงๆแล้วมี Welcome Gift แถมมาในเครื่องด้วยนะ เค้าก็ให้มาอีก 3 รสชาติเหมือนกัน แต่มีแค่รสชาติละ 1 แก้วเท่านั้น

(เรียกว่าแถมให้มาชิมก่อนตัดสินใจซื้อครั้งต่อไปนั่นเอง)

ที่อยู่ในแพ็คนี้ยังไม่ได้แกะมาลองชิม มาชิมตัวที่อยู่ในแพ็กเกจรายเดือนกันก่อน ซึ่งช่วงนี้ให้นมลูกอยู่ ทานได้แค่วันละ 1 แก้ว ความโชคดีเลยตกไปอยู่ที่สมาชิกครอบครัวทั้งหลายที่เป็นคอกาแฟ ไม่ว่าจะคุณพ่อ คุณยาย ไปจนถึงสามี ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ากาแฟแคปซูลนี้กลิ่นหอมเหมือนกาแฟคั่วบดสดๆที่ทานกันตามร้านเลยจริงๆ

NESCAFÉ Dolce Gusto ESPRESSO
(เนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ เอสเปรสโซ่)


ราคาปลีกกล่องละ 329 บาท ขนาดบรรจุ 16 แคปซูล (ชงได้ 16 แก้ว)
เอสเปรสโซ่ หรือ กาแฟดำ (ร้อน) เป็นกาเเฟคั่วบด อาราบิกาเเท้ 100 เปอร์เซนต์ นำเข้าจากอเมริกาใต้ วิธีชงใช้ 1 แคปซูล ต่อ 1 แก้ว โดยเลือกน้ำร้อนระดับน้ำที่ 2 ขีด ชงแต่ละครั้งราคาตกอยู่ที่แก้วละ 20 บาทเท่านั้น!

NESCAFÉ Dolce Gusto MOCHA
(เนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ มอคค่า)


ราคาปลีกกล่องละ 299 บาท ขนาดบรรจุ 16 แคปซูล (ชงได้ 8 แก้ว)
มอคค่าเวลาชงจะใช้ 2 แคปซูล โดยตัวแคปซูลสีน้ำตาลเป็นกาแฟปรุงสำเร็จผสมโกโก้คุณภาพดี และแคปซูลสีขาวมีส่วนผสมของนมสดที่ช่วยเพิ่มรสชาติและความหอมกลมกล่อมอร่อยลงตัว แต่ละแคปซูลเวลาชงเลือกระดับน้ำร้อนที่ 3 ขีด ตกราคาแก้วละ 37 บาท

รสชาติเค้าเข้มข้นได้ที่ กลมกล่อมกำลังดีไม่หวานจัดเหมือนมอคค่าตามร้านกาแฟสด

NESCAFÉ Dolce Gusto CHOCOCINO
(เนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ ช็อกโกชิโน่)


ราคาปลีกกล่องละ 299 บาท ขนาดบรรจุ 16 แคปซูล (ชงได้ 8 แก้ว)

ช็อกโกชิโน่เป็นเครื่องดื่มพิเศษที่ไม่มีส่วนผสมของกาแฟ เด็กๆทานได้ (แต่อย่าทานเยอะนะเดี๋ยว Sugar Rush จะนอนไม่หลับได้เหมือนกัน 555) เวลาชงใช้ 2 แคปซูล โดยตัวแคปซูลสีน้ำตาลเป็นเมล็ดโกโก้ชั้นดีที่คัดมาแล้ว ส่วนแคปซูลสีขาวเป็นฟองนมเนื้อละมุน วิธีชงแต่ละแคปซูลเลือกระดับน้ำร้อนที่ 3 ขีด ตกราคาแก้วละ 37 บาท



สรุปแล้วประสบการณ์ที่ได้จากการลองเครื่องชงกาแฟของ เนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ บอกเลยว่าประทับใจมาก มันสะดวกและง่ายสุดๆ ด้วยความเป็นคุณแม่ลูกสอง ไหนจะต้องรบกับงานบ้าน งานราษฎ์ งานหลวงก็เยอะพออยู่แล้วบางทีเราก็อยากจะลดขั้นตอนของการทำเครื่องดื่มประจำวันออกไปบ้าง แต่ก็ยังอยากได้ความหอมอร่อยผ่อนคลายจากกาแฟสดแท้ๆ นับว่าผลิตภัณฑ์นี้ตอบโจทย์ชีวิตได้ดีเลยทีเดียว ที่สำคัญคือดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องล้างอุปกรณ์เยอะแยะให้วุ่นวายแค่หมั่นเปลี่ยนน้ำในแทงก์และคอยล้างถาดใส่แคปซูลทุกครั้งหลังใช้ก็พอ


ชี้เป้าสำหรับคนที่อยากเป็นเจ้าของเครื่องชงกาแฟแคปซูล NESCAFÉ Dolce Gusto ในราคาเริ่มต้นเพียงเดือนละ 897 บาท สามารถเข้าไปเช็คโปรโมชั่นปัจจุบันได้ที่เว็บไซต์ nescafeclub ซึ่งหากมีเครื่องอยู่แล้ว ในอนาคตเมื่อสั่งกาแฟแคปซูลเราจะได้รับราคาพิเศษเฉพาะสมาชิกที่ลดอีก 10% หากมีใครสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อไปที่แฟนเพจเฟสบุค NescafeDolceGustoThailand หรือเข้าเว็บไซต์ https://nescafeclub.popsho.ps/th/monthly-package/ ได้เลยค่ะ

Disclaimer: This is a paid sponsored post.

ทำบ้านทั้งที ไม่ว่าจะตกแต่งเพิ่มเติมหรือรีโนเวทบ้าน หลายๆคนคงจะนึกถึงการเดินงานบ้านและสวนแฟร์ จะสามารถเดินเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านได้หลากหลายในที่เดียว

ครั้งนี้เรามีแรงบันดาลใจอยากจะแต่งห้องทำงานให้เป็นเหมือนสตูดิโอย่อมๆ ซึ่งในห้องมีหน้าต่างอยู่ 7 บานด้วยกัน ถ้าจัดวางดีๆน่าจะพอใช้ประโยชน์จากแสงกลางวันไหว แต่ก็จะเจอปัญหาเรื่องเสียงรบกวนจากข้างนอกด้วยความที่บ้านตั้งอยู่เลียบทางด่วน แถมเลี้ยงสุนัขด้วย โชคดีมากๆที่ทาง REVU จัดแคมเปญให้ไปเยี่ยมชมบูธของ WINDSOR ในงานบ้านและสวนแฟร์ที่ผ่านมา เราเลยได้ไอเดียการสร้างห้องทำงานที่สมบูรณ์แบบโดยเริ่มจากศึกษาเรื่อง "หน้าต่าง" ก่อนนี่แหละ แล้วผลิตภัณฑ์ประตู หน้าต่างของ WINDSOR ช่วยตอบโจทย์ยังไงได้บ้าง? ตามมาทางนี้เลยค่ะเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง

(ในงานมีให้ทำแบบสอบถามรับแคตาล็อกไอเดียแต่งบ้านจาก SCG สวยๆกลับไปด้วยแหละ)

แบรนด์ WINDSOR (อ่านว่า วินด์เซอร์)

เป็นแบรนด์อุปกรณ์ก่อสร้างและตกแต่งจาก Vinyl จากบริษัทนวพลาสติก ที่ได้รับรองมาตรฐานสากล ISO 9001 , ISO 9002 , OHSAS 18001 และได้รับรางวัล The Prime Ministers Industry Award ในฐานะผู้ให้บริการงานประตูหน้าต่างครบวงจรทั่วประเทศโดยผู้เชี่ยวชาญที่จะให้บริการครบวงจรแบบคิดให้ครบ จบทุกปัญหาประตูหน้าต่าง (มีบริการลงพื้นที่จริงพร้อมให้คำปรึกษา) สามารถทำได้ทั้งการติดตั้งหน้าต่างใหม่และการเปลี่ยนหน้าต่างเก่า และราคาไม่ได้สูงอย่างที่คิดสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์งบและการใช้งานของเราได้เอง ตอนแวะไปงานบ้านและสวนจะสามารถพบบูธของ WINDSOR ได้ในโซนเครือซิเมนต์ไทย เพราะวินด์เซอร์เป็นสินค้าและบริการที่อยู่ในเครือ SCG นั่นเอง 

สอบถามข้อมูลสินค้าบริการและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โทร 02 555 0333
เว็บไซต์ : www.windsor.co.th
แฟนเพจ : facebook.com/Windsorpage

บรรยากาศภายในบูธ WINDSOR ที่งานบ้านและสวนแฟร์

มีการนำสินค้ารุ่นยอดนิยมมาจัดโปรโมชั่นพร้อมอุปกรณ์สาธิตประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย ใครสนใจประตูหน้าต่างไวนิล WINDSOR สามารถเข้ามาหาข้อมูลพร้อมไปสัมผัสตัวอย่างผลิตภัณฑ์พร้อมทดลองฟังชั่นเจ๋งๆที่ทางแบรนด์คัดมาให้กันได้ด้วยตัวเอง แถมภายในงานเค้าจะมีกิจกรรมพร้อมโปรโมชั่นเด็ดๆแจกให้กับผู้ที่มาเยี่ยมชมบูธด้วยนะ ใครวางแผนจะรีโนเวทอยู่แล้วล่ะก็ห้ามพลาด งานนี้บอกเลยว่าคุ้ม!

ครั้งนี้ผลิตภัณฑ์ Highlight ที่จะพูดถึงคือหน้าต่างรุ่น Signature และรุ่น Smart (Basic, Value Max, Hybrid) ซึ่งในงานมีส่วนลดสินค้า 15% พร้อมการจำลองตู้ทดสอบควันกับเครื่องทดสอบเสียงมาให้ลองใช้งานกันแบบเห็นๆว่าเหนือกว่าในการกรองเสียงรบกวนและช่วยลดฝุ่นควันเข้าบ้านได้ยังไงบ้าง


1. WINDSOR "Signature Series"  

ซีรีส์นี้ออกแบบด้วยแนวคิด Simply Elegant Design คงความสวยงามในทุกฟังชั่นการใช้งานที่ต้องการ สามารถลดทอนเสียงได้มากถึง 32 เดซิเบล (มาตรฐานสากล) ใช้กระจกประหยัดพลังงานช่วยสะท้อนแสงแดด ใส่ได้หนาถึง 24 มิลลิเมตร  รองรับมุ้งกันแมลงและเหล็กดัด ใส่กระจกได้สองชั้น โดยมีฟังชั่นพิเศษที่ทำให้เราสามารถเปิดบานหน้าต่างได้โดยไม่ต้องเปิดมุ้ง

สามารถรับอากาศบริสุทธิ์กับแสงแดดได้เต็มที่ไม่ต้องกลัวแมลงรบกวน รุ่นนี้มีระบบล็อกระบายอากาศ ซึ่งสามารถปรับระดับได้ตามสภาพอากาศและการใช้งานที่ต้องการ ปลอดการรั่วซึมของน้ำฝนและช่วยลดความร้อนจากอากาศข้างนอกได้ด้วย


2. WINDSOR "Smart Series" (Basic, Value Max, Hybrid)

ซีรีส์นี้เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของทาง WINDSOR ด้วย 3 เทคโนโลยีสุดล้ำ

คือ Fast Frame วงกบมีปีก ให้ดูสวยมากกว่าทันทีเมื่อติดตั้งเสร็จ ช่วยเพิ่มพื้นที่ป้องกันน้ำฝนสาดก่อนถึงตัวบานกระจก กันน้ำรั่ว กันเสียง ได้ดีกว่าและลดฝุ่นเข้าบ้านได้น้อยกว่ายี่ห้ออื่นในท้องตลาด, Zlock เป็นระบบบานเลื่อนที่ยิ่งปิดยิ่งแน่น แข็งแรงจนรู้สึกได้ในการใช้งาน, Zmart Clip เทคโนโลยีการติดตั้งล้ำสมัย ยึดติดกับผนังอย่างแข็งแรง ไม่ทิ้งรอยติดตั้งให้ต้องเก็บงาน 

Basic - สำหรับที่อยู่อาศัยไม่เกิน 20 เมตร (เทียบเท่าอาคารสูงไม่เกิน 7 ชั้น)
Value Max - ราคาประหยัดที่สุดในซีรีส์นี้ และสำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการบัวด้านในบ้าน
Hybrid - สำหรับอาคารสูงระหว่าง 20-40 เมตร มีประสิทธิภาพกันฝนและแรงลมได้ดีเป็นพิเศษ

ใครที่ทางบ้านมีหน้าต่างเดิมอยู่แล้ว แต่มีความรู้สึกว่ามันยังไม่ตอบโจทย์การใช้งาน แล้วต้องการบริการเปลี่ยนหน้าต่างบานเก่าให้เป็นบานใหม่ ทาง WINDSOR ก็มีบริการให้ เรียกได้ว่าเป็น One Stop Service สำหรับบริการ WINDSOR Replacement
(Cr.ภาพจาก Windsor)

จะเป็นการส่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมาในขณะที่เจ้าของบ้านยังอยู่ในบ้าน ดำเนินการติดตั้งประตูหน้าต่างพร้อมให้คำปรึกษา บริการวัดหน้างาน บริการเขียนแบบ บริการติดตั้ง ตลอดจนบริการหลังการขายเพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าและทาง WINDSOR ยังมีบริการหลังการขายที่ไม่ทอดทิ้งลูกค้าด้วยนะ สามารถติดต่อผ่านระบบ Call Center โดยจะพร้อมดูแลในเรื่องของการรับประกันคุณภาพ มี Long Term Warranty รับประกันวงกบและกรอบบานนานถึง 10 ปี ส่วนอุปกรณ์ Hardware พวกที่จับประตู, หน้าต่าง และการติดตั้งนั้นมีการรับประกันให้ 1 ปี หากมีปัญหาสามารถเปลี่ยนให้ใหม่โดยไม่มีค่าใช้จ่ายหากอยู่ในเงื่อนไขของการรับประกันค่ะ


หลังจากได้ทดลองสัมผัสสินค้ากับทางบูธ WINDSOR แล้ว รู้สึกว่าถ้ามีงบก็จะจัดอย่างแน่นอน มีความประทับใจกับประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์แบบ 10/10 คือชอบทั้งรูปลักษณ์และฟังชั่นการใช้งานเอามากๆ เหมาะกับบ้านเราที่มีทั้งเด็กและสัตว์เลี้ยงกับโลเกชั่นที่เต็มไปด้วยฝุ่นควันจากรถ ติดที่งบไม่พร้อม (ฮาาา) รองานบ้านและสวนแฟร์ครั้งหน้าถ้าเก็บเงินได้มากพอจะไปใช้บริการกับทาง WINDSOR แน่นอนค่ะ

Disclaimer: โพสนี้เป็นบทความที่เขียนขึ้นพื่อร่วมแคมเปญของทาง REVU 

นับเป็นความเด๋อส่วนบุคคล ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีใครเป็นแบบเรามั๊ย คือถ้าซื้อยาย้อมผมแบบ "สำเร็จรูป" มันก็ไม่ค่อยเจอปัญหาอะไรเท่าไหร่เพราะว่าในกล่องจะมีอุปกรณ์อย่างถุงมือพลาสติกมาให้ด้วย แต่ เวลาซื้อสีแบบขายแยกเป็นหลอดๆ หรือแบบกระปุก ที่ให้มาผสมเอง ทำเอง ก็จะชอบอ่านแต่ฉลากแล้วทำตามโดยลืมพิจารณาสภาพแวดล้อมต่างๆ ผลคือ... แท่นแท๊นนน


ไว้อาลัยให้ตัวเองแปป...

อันนี้คือ่านฉลาก มันไม่มีขั้นตอน "ใส่ถุงมือ" บอกไว้ นี่ก็พาซื่อ(ซื่อบื้อ) บีบใส่มือ แล้วลูบลงบนเส้นผมตรงๆดื้อๆ ผลเลยเป็นแบบในภาพค่ะ ผ่าง ผ่าง ผ่างง!!!

แชร์ประสบการณ์ย้อมผมลืมใส่ถุงมือ ใช้อะไรล้างถึงจะออก?

คำเตือนในการย้อมสีผม:

โดยปกติแล้วควรพอก "โลชั่น" หรือ "ครีม" ไว้ในบริเวณผิวหนังที่อาจเสี่ยงเปื้อนสี เช่น บริเวณกรอบหน้า ใบหู ฯลฯ เพื่อเวลาหมัก ย้อม สีที่ติดบริเวณดังกล่าวจะล้างออกได้โดยง่าย แต่ถ้าเผลอโดนผิวหนังตรงๆแล้วเนี่ย จะเป็นภาระให้กับชีวิตนิดนึงค่ะ


วิธีล้างสีออกจากมือ เราใช้อุปกรณ์ดังนี้:

  1. Garnier Micellar ขวดชมพู
  2. น้ำมันมะพร้าว
  3. น้ำยาล้างจาน Pipper Standard
  4. ฟองน้ำล้างจาน 3M

ขั้นตอน (ขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายภาพปประกอบ)

  1. ชโลมน้ำมันมะพร้าวให้ทั่วบริเวณที่เปื้อน นวดๆ ถูๆ จนสีเริ่มหลุดออกเล็กน้อย
  2. เทเคลนซิ่งวอเตอร์ลงไปตรงๆ อย่างกค่ะ เทแบบใช้แทนน้ำเปล่าล้างมือเลย แล้วเอาฟองน้ำบีบๆถูๆ (จะรู้สึกว่าสีโดนฟองน้ำดูดเข้าไปส่วนนึง) เช็ดให้ความมันจากมะพร้าวออกไปให้ได้มากที่สุด สีบนมือจะจางลงระดับนึง
  3. กดน้ำยาล้างจานใส่ฟองน้ำแล้วเอาด้านนุ่ม ขัดมือให้ทั่วทั้งหน้าและหลัง ล้างน้ำแล้วทำซ้ำ 1-3 ไปเรื่อยๆจนสีออกหมด เป็นอันจบพิธี


แต๊นนน หายแล้ววววว แต่!! บริเวณเล็บที่ทาสีไว้ มันจะไม่ค่อยออกนะคะ ต่อให้ลบสีออกด้วยน้ำยาล้างเล็บ เม็ดสีมันฝังไปในเนื้อเล็บแล้วอะ ทำได้คือลบสีออกแล้วทาสีใหม่ ไม่อย่างนั้นจะดูน่ากลัวมากๆ

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เวลาย้อมผม 

"อย่าลืมใส่ถุงมือออออออออออออ"


ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านไดอารี่ไร้สาระของเราวันนี้ค่ะ น่าจะพอมีประโยชน์กับคนที่เจอปัญหาสีย้อมผมเลอะผิวหนังกันบ้าง อันนี้ใช้ได้แค่บริเวณมือนะ ถ้าเลอะบริเวณที่ผิวบอบบางอย่างผิวหน้า ไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้นะคะ ใครเคยเลอะตรงไหน ล้างออกยังไง แวะมาคอมเม้นแชร์กันได้ จะได้เป็นทางออกให้กับคนที่เจอปัญหาเดียวกันได้บ้างไม่มากก็น้อย

วันนี้ลาไปก่อน บ๊ายบาย ^^

Disclaimer: This is my personal experiences, not a paid post.
การช้อปปิ้งของตามซุปเปอร์มาร์เกตแบบดิลิเวอรี่ทุกวันนี้มีให้เลือกหลายที่มาก แต่ว่าจากประสบการณ์ที่ผ่านมายังไม่เจอที่ไหนสามารถส่งได้ภายในวันที่สั่งเหมือนกับ Honestbee ล่าสุดเพิ่งได้ลองใช้บริการไปเพราะนึกคึกอยากกินน้ำแดงมะนาวโซดา แต่งานเยอะ ไม่สามารถสละเวลางานตากแดดนั่งวินไปปากซุปเปอร์มาร์เก็ตได้ ก็เลยลองใช้บริการของ Honestbee ช้อปปิ้งวัตถุดิบกับอีกสารพัดสิ่งมากันตายในออฟฟิศค่ะ ใครอยากรู้ว่า Honestbee คืออะไร แล้วช้อปมาทำอะไรได้บ้าง เชิญตามมาอ่านรีวิวกันที่นี่ได้เลย
บริการของ Honestbee เป็นออนไลน์ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่สะดวกและใหญ่ที่สุดในเอเชีย เพิ่งเข้ามาเปิดให้ใช้บริการในไทยได้ไม่นาน อาจจะยังมีร้านให้เลือกไม่เยอะมากแต่ในอนาคตน่าจะมีอัพเดทเข้ามาเรื่อยๆ โดยปัจจุบันที่สามารถเลือกซื้อได้มี Villa Market, K-Market, Wishbeer Home Bar, The Gastro: Bistro and Cooking Homebar และผลิตภัณฑ์ของ Pipper Standard 
ดูจากสไตล์แล้วเหมาะกับชีวิตครอบครัวคนในเมืองที่ทำงานยุ่ง แต่ยังอยากมีไลฟ์สไตล์ที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการเลือกซื้อวัตถุดิบมาปรุงอาหารเอง หรือเลือกซื้อของใช้ในบ้านอืิ่นๆ โดยไม่ต้องเหนื่อยกับปัญหารถติดหรือวางแผนเดินทางซื้อของเข้าบ้าน ทุกอย่างทำได้ง่ายๆแค่ปลายนิ้วเลยค่ะ

ลิงค์: www.honestbee.co.th

วิธีช้อปก็ง่ายมาก สมัครสมาชิกโดยกรอกข้อมูลแล้วก็คอยเช็คสิทธิประโยชน์ โค้ดส่วนลดผ่านทางอีเมล์ที่ลงทะเบียนเอาไว้ได้เลย สามารถเข้าไปเลือกร้าน เลือกแผนกของที่ต้องการซื้อได้

หรือจะเสิร์ชผ่านชื่อแบรนด์หรือชื่อสินค้าก็ได้เช่นกัน 

จากการทดลองใช้งานพบว่ายังมีส่วนที่ไม่สมบูรณ์อยู่เล็กน้อย คือมีรายการของไม่ครบ บางทีเราเคยเดินผ่านของรายการนี้แต่พอเสิชแล้วไม่มี หรือของบางอย่างก็มีรายละเอียดน้อยมาก คือแม่แค่รูปภาพกับชื่อ ไม่มีคำบรรยายเท่าไหร่ว่าคืออะไรใช้งานยังไงงี้

เหมาะกับคนที่ต้องการซื้อของเดิมๆมากกว่า บางอย่างขึ้นว่า Out of Stock รัวๆ แต่ก็ชดเชยด้วยบริการเลือกสินค้าทดแทน จะมีพนักงานติดต่อเรามาเพื่อเสนอออพชั่นใกล้เคียงกันให้โดยที่หากเค้าติดต่อเราไม่ได้ เค้าจะไม่ทำการซื้อของแทนเราโดยพลการนะ ก็คือยึดตามออเดอร์เดิม

นอกจากนี้สามารถชำระเงินได้หลายวิธี รวมไปถึงมีบริการเก็บเงินปลายทางด้วยค่ะ

ข้อดี


  • สะดวก ใช้งานง่าย รับโปรโมชั่นผ่านอีเมล์ได้ตลอด
  • ส่งไวภายใน 1 ชั่วโมง หรือเลือกเวลาเองได้ 
  • เก็บเงินปลายทางได้
  • มีหลายซุปเปอร์ รายการของให้เลือกเยอะใกล้เคียงไปเดินซุปเปอร์มาร์เก็ตจริงๆ
  • ราคาเท่ากับหน้าร้านไม่ได้บวกเพิ่ม
  • ระบบค้นหาสินค้าทำงานตอบสนองเราได้ดี
  • ใช้บริการแล้วมีเวลาให้กับตัวเองและครอบครัวมากขึ้น

ข้อเสีย


  • ยังมีของไม่ครบทุกรายการ บางอย่างรู้ว่ามีขาย แต่อาจจะยังไม่เจอบนเว็บ
  • รายละเอียดสินค้าบนหน้าเว็บมีให้ศึกษาน้อย
  • ค่าจัดส่งค่อนข้างสูง ไม่คุ้มถ้าซื้อของน้อยชิ้น

ประสบการณ์ส่วนตัวพบว่าพนักงานเค้ามาตรงเวลาดีค่ะสั่งช่วงบ่าย ให้มาส่งตอน 4-5 โมงเย็น เค้ามาตอนสี่โมงนิดๆ รับของเสร็จมีแถมถุงผ้าสีเหลืองใบใหญ่ไว้ให้ใช้ด้วย โดยเค้าบอกว่าให้เก็บไว้เลย เป็นการรีไซเคิลอย่างนึง ก่อนเค้ามาถึงจะมี message ยิงเข้าเบอร์เราให้เตรียมตัวด้วยว่าอีกประมาณกี่นาทีของจะมาส่ง 
ตอนแรกตั้งใจจะแชร์เมนูเครื่องดื่ม-อาหารหลายๆอย่างที่ทำกินเองได้ง่ายๆในออฟฟิศ แต่กลายเป็นว่าน้ำแดงเฮลบลูบอยหมด เราเลยได้เป็นแฟนต้าน้ำแดงมาแทน
ซึ่งเราไม่สามารถคุมควาหวานได้เท่าไหร่ ทำให้มันจืดลงได้ด้วยการเติมโซดาลงไปค่ะ บีบมะนาวลงไปนิดก็ได้เครื่องดื่มคลายร้อนกินชิวๆโดยที่ไม่ต้องขยับตัวออกไปไหนเลย ใช่แล้ว ของสดจำพวกเนื้อสัตว์ อาหารแช่แข็ง ผัก ผลไม้ เค้าเลือกให้เราหมดเลย

แพคนี้ที่ได้มาคือสวย ลูกใหญ่ มันเริ่ดมากกก

สำหรับลูกค้าที่มีบัตร VPlus จาก Villa Market อยู่แล้ว สามารถรับคะแนนสะสมได้เหมือนไปช้อปเองที่ร้านโดยการใส่เลขบัตร VPlus ไว้ในช่องคำแนะนำก่อนทำการชำระเงินได้ หรือถ้าใครไม่มีบัตร VPlus แล้วอยากได้บัตรใหม่ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยการระบุไว้ว่าต้องการรับบัตร VPlus แล้วทาง honestbee จะจัดส่งบัตรใบใหม่ไปให้พร้อมกับสินค้าที่สั่ง
สำหรับใครที่สนใจไปทดลองช้อปพร้อมโค้ดส่วนลดครั้งแรก 100 บาท สามารถคลิกลิงค์นี้เพื่อสมัครสมาชิกรับส่วนลดได้เลยค่ะ บทความนี้เป็นสปอนเซอร์โพสนะคะ เป็นการใช้บริการจริงและความคิดเห็นจริงๆของผู้เขียน ถ้าชอบก็อย่าลืมช่วยแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยน้า 

พบกันใหม่โอกาสหน้า บ๊ายบายค่า ^^

Disclaimer: This is sponsored post.
ขอแชร์ประสบการณ์กับเตารีดไอน้ำแบบพกพาสักนิด

คือตอนแรกด้วยความที่เป็นทาสการตลาดเวลาเห็นป้าย SALE ละมีอีเมล์มาบอกว่าเซลล์ On Top ให้ 20% แต่ต้องช้อปวันนี้เท่านั้นนะ (วันนี้... วันนี้... วันนี้... //เอคโค่ดังมาก) จากที่ปกติไม่ค่อยได้เข้าเว็บ ORAMI by Moxy เท่าไหร่ ไอ้เสียงเอคโค่ในหัวตังเองเนี่ยแหละทำเอาเราคันไม้คันมือสนใจเลยว่ามันจะมีอะไรให้เราช้อปบ้างน้า

มีที่กำลังสนใจอยู่ 2-3 รายการ ที่เป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านแบบพกพา แล้วก็สรุปรายการออกมาได้เป็นเครื่องดูดฝุ่นมือถือ และเตารีดไอน้ำนั่นเองค่า วันนี้มีโอกาสเอาเตารีดมาใช้ เลยหยิบมารีวิวให้ชมกัน

รีวิวเตารีดไอน้ำแบบพกพา Hometops

รีดเรียบไร้รอยยับ ขจัดรอยหยักบนเสื้อผ้าได้อย่างง่ายดาย ด้วยเตารีดไอน้ำแบบมือถือ Hometops รุ่น LS-519B สำหรับใช้รีดผ้าได้ตามต้องการ กับขนาดเล็กกะทัดรัด เหมาะสำหรับพกพา ด้วยกำลังไฟฟ้าที่แรงถึง 650 วัตต์ มีแท้งค์น้ำความจุ 0.25 ลิตร ใช้งานได้ทันใจ ร้อนเร็ว ใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 15 นาที พกติดตัวไปใช้งานในระหว่างเดินทางได้ 

คุณสมบัติ 

  • เตารีดไอน้ำแบบมือถือ
  • กำลังแรง 650 วัตต์
  • มาพร้อมแท้งค์น้ำ ความจุ 0.25 ลิตร
  • มีคุณสมบติในการทำความร้อนได้เร็ว
  • สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 15 นาที
  • เล็กกะทัดรัด เหมาะสำหรับพกพาใช้งาน
  • กำลังไฟ AC220-240V
  • ความถี่ 50-60Hz
  • ขนาด 11 x 20 x 22 เซนติเมตร
  • น้ำหนัก 1.01 กิโลกรัม
  • สินค้ารับประกัน 2 ปี 
ตอนแรกกะพกมาทิ้งไว้ที่ออฟฟิศกรณีไปอีเว้นแล้วชุดยับ จะได้เอามารีดได้ชิลๆ เพราะขนาดเค้ากระทัดรัด พกใส่เป้หรือกระเป๋าย่ามได้สบายๆ น้ำหนักไม่มาก ทว่าด้วยเหตุการณ์บ้านเมืองช่วงนี้ทำให้อีเว้นเราโดนเลื่อนไปยาวๆ เลยยังไม่มีโอกาสได้หยิบมาใช้ แล้วจู่ๆก็โดนเรียกประชุมด่วนค่ะ แบบไม่ทันตั้งตัว คือปกติจะใส่ชุดชิลมาก ไม่เหมาะเข้าไปพบผู้ใหญ่อย่างแรง แต่เราจะมีสูทกึ่งทางการสบายๆติดโต๊ะเอาไว้เสมอ แต่มันยับมากทุกตัว
พอรู้ว่าต้องไปประชุม เราเลยนึกถึงเตารีดไอน้ำตัวนี้ขึ้นมา แล้วก็เอาออกมาลองกับเสื้อคลุมเลยค่ะ ตามมาดูรีวิวกันเล้ย
ภายในกล่องมีเครื่องกับอุปกรณ์แถมมาให้ 4 ชิ้น เป็นถุงมือกันความร้อน หัวแปรงสำหรับกำจัดขนเสื้อผ้า และหัวแปรงกำจัดเศษผ้าและเส้นด้ายออกจากผ้า กับกระบอกสำหรับใช้เติมน้ำลงในตัวเครื่อง มีความจุ 250ml ไม่ควรบรรจุน้ำเกินนี้ และหมุนปิดฝาให้สนิทก่อนใช้งานทุกครั้ง

ถ้าต้องการใช้แปรงวิธีประกอบแปรงก็ไม่ยากค่ะ วางแนบเข้าไปโดยให้แปรงขนๆอยู่ด้านบนแล้วล็อกจะพอดีให้รูพ่นไอน้ำออกมาได้

ออกแรงกดนิดนึงก็จะแน่นสนิทจากนั้นก็เสียบปลั๊กแล้วรอเครื่องร้อน
//กลัวไม่รุ้ว่ากำลังรออยู่ (ฮาา)

ใช้เวลาประมาณ 2 นาที จะมีไอน้ำพ่นออกมา แล้วก็ลงมือรีดได้เลย

วิธีการรีดเสื้อด้วยเตารีดไอน้ำแบบพกพา Hometops


- น้ำผ้าแขวนกับไม้แขวนที่สะอาด ไม่แนะนำไม้แขวนเหล็กเพราะไอน้ำอาจทำให้เกิดสนิมถ้าเช็ดไม่แห้ง 
- ดึงปลายผ้าด้านที่รีดให้ตึง
- จับเตารีดไอน้ำโดยหันปากพวยพ่นออกจากตัว ไล่จากส่วนล่างสุดเข้าด้านใน 
- รีดได้ครั้งละ 15 นาทีแล้วเครื่องจะตัดอัตโนมัติ สามารถเติมน้ำเพื่อรีดต่อได้
- ทำซ้ำจนกว่าจะพอใจ เสร็จแล้วปิดเครื่อง ถอดปลั๊ก ทิ้งไว้ให้เย็นก่อนจัดเก็บ

จากราคาเต็มที่ควรจะต้องจ่าย 4,640 บาท มีโปรโมชั่นลดราคาเครื่องดูดฝุ่นมือถือ จาก3590 เหลือ 1990 และเตารีดไอน้ำพกพาของ Hometops ที่เราสอยมาราคาเบาๆ 1050 ยังได้ On Top ไปอีกกก 

สิริรวมการช้อปครั้งนี้เราจ่ายแค่ 2,432 บาท ส่งฟรี!!! รู้สึกคุ้ม มีความฟินเอามือทาบอกด้วยความพึงพอใจเบาๆ อาห์... (นี่หรือชีวิตแม่บ้าน 5555) ในส่วนของเครื่องดูดฝุ่นมือถือถ้ามีโอกาสจะมารีวิวให้ฟังครั้งหน้า ที่พีคคือเตารีดไอน้ำชิ้นนี้ช่วยชีวิตเราในวันที่จะต้องเข้าประชุมได้เฉยเลย

โดยรวมถือว่าประทับใจกับสินค้าชิ้นนี้มากๆ ให้คะแนน 8/10 ไปเลย หักนิดเดียวเพราะใช้ได้แค่ครั้งละ 15 นาที ต้องคอยเติมน้ำบ่อยๆ และปลั๊กไม่ค่อยยาวเท่าไหร่ ต้องหาปลั๊กสามตามาต่อพ่วงถ้าบริเวณที่ต้องการรีดอยู่ไกลปลั๊ก ส่วนตัวคิดว่าถ้าเป็นแบบชาร์จแล้วถือไร้สายได้จะปลื้มมากกว่านี้ค่ะ เหมาะสำหรับรีดที่บ้าน หรือที่ออฟฟิศ ไม่สามารถเอาไปใช้เวลาเดินทางหรืออยู่บนรถได้ ต้องมีปลั๊กไฟเป็นแหล่งพลังงานน้า

สำหรับใครที่สงสัยว่าเราไปเอาโค้ดลดมาจากไหน แนะนำให้ไปสมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารจากทาง ORAMI by Moxy เอาไว้ เค้าจะมีอีเมล์โปรโมชั่นพร้อมโค้ดมายั่วใจเราอยู่เรื่อยๆค่ะ วิธีการช้อปปิ้งก็ไม่ยากเลย เลือกของที่ต้องการ แต่ให้สังเกตุดีๆนะว่าของชิ้นนั้นเป็นแบบพร้อมส่งหรือพรีออเดอร์ เพราะระยะเวลาในการจัดเตรียมสินค้าจะไม่เท่ากัน ใครรีบๆไปซื้อแบบพรีออเดอร์อาจจะได้ของไม่ทันใช้น้า

เราสั่งไปเมื่อวันที่ 25 ตค. ได้รับของเมื่อวันที่ 2 พย. เพราะตัวเตารีดไอน้ำแบบพกพาเป็นแบบพรีออเดอร์ค่ะ ที่นี่สามารถเลือกชำระเงินได้หลายแบบ รวมถึงส่งของแบบจ่ายเงินปลายทางก็ได้ด้วย จัดส่งโดยขนส่งเอกชน มีการติดต่อเราก่อนเข้ามาส่งของเสมอ วางใจได้เลยแม้เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ถ้าใครสนใจตามไปช้อปเตารีดไอน้ำแบบพกพา Hometops สามารถคลิกลิงค์นี้ได้เลย

ถ้าชอบบทความนี้ฝากแชร์เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยน้า
ไว้พบกันใหม่โอกาสหน้า บ๊ายบายค่ะ

Disclaimer: This is sponsored post.