รีวิวการยื่นเรื่องประกันสังคม กรณีคลอดบุตร ตอนว่างงาน | Kaosuaylunla Diary

รีวิวการยื่นเรื่องประกันสังคม กรณีคลอดบุตร ตอนว่างงาน

เพิ่งคลอดลูกคนที่สองไปเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตอนแรกได้ยินข่าวแว่วๆมาอยู่เหมือนกันว่ามีการเพิ่มสิทธิผู้ประกันตนเรื่องเงินคลอดบุตร และเงินสงเคราะห์บุตร แต่ ณ วันที่ไปยื่นเรื่อง คือเมื่อวันที่ 19 เนื่องจากเพิ่งได้เอกสารใบสูติบัตรแจ้งเกิดของลูกจากทางโรงพยาบาล ก็พบว่า เอ้า มันก็ได้ 13,000 เท่าเดิมนี่นา ผ่าม ผ่าม ผ่ามมม!


แต่เดี๋ยวก่อน สิ่งนึงที่พัฒนาของทางประกันสังคมคือระบบสมาชิกออนไลน์ของ SSO E-Service ที่มีข้อมูลการส่งเงินประกันสังคมของเราทั้งหมด รวมไปถึงรายละเอียดสถานะการยื่นเรื่อง การจ่ายเงิน ว่าจำนวนเท่าไหร่ เงินจะเข้าวันไหน ใครยังไม่เป็นสมาชิกแล้วกำลังจะไปใช้สิทธิ์ แนะนำให้สมัครไว้ก่อนเลยค่ะ สะดวกมากๆ ไม่ต้องงมหาเบอร์โทรเจ้าหน้าที่รัฐให้วุ่นวาย ล็อกอินเข้าไป เลือกเมนูของผู้ประกันตน แล้วก็ตรวจสอบข้อมูลเองได้เลย เออ ดี! ชี้เป้าเว็บประกันสังคมคลิกที่นี่เลย



ส่วนขั้นตอนในการเข้าไปยื่นเรื่องขอสิทธิรับเงินค่าคลอดบุตร กับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรทำได้ไม่ยาก ของเราเข้าไปที่สำนักงานประกันสังคมพื้นที่ 9 ในเวลาราชการ เดินไปแจ้งที่ประชาสัมพันธ์ว่ามาขอยื่นสิทธิ์เรื่องอะไร เค้าจะแจกเอกสารมาให้กรอก เมื่อกรอกเอกสาร เซ็นรับรองสำเนาเอกสารถูกต้องเสร็จแล้วก็รอคิว แป๊ปเดียวเจ้าหน้าที่ก็จะตรวจสอบข้อมูลแล้วก็ให้เอกสารกลับมาใบนึงเป็นหนังสือยืนยันการรับสิทธิ์ เงินจะโอนเข้าบัญชีภายใน 3 วันทำการ ยื่นเมื่อ 19 เงินเข้า 22 คือสะดวก เร็ว และไวมาก!


จำนวนเงินที่ได้ทั้งหมดจากการยื่นครั้งนี้อยู่ที่ 35,500 บาท แบ่งเป็นค่าคลอดเหมาจ่าย 13,000 บาท และเงินสมทบค่าจ้าง 90 วัน (50% ของฐานเงินเดือนสูงสุด 15,000) 22,500 บาท เห็นว่าไม่มีการรับเงินสดแล้วนะคะ การรับเงินสมทบจะโอนผ่านบัญชีเท่านั้น
ตรงนี้แอบบอกนิดนึงว่าปัจจุบันเรามีสถานะเป็น "บุคคลว่างงาน" ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน แล้วก็ยังไม่ได้งานใหม่ และยังไม่ได้ยื่นเจตจำนงในการเป็นผู้ประกันตนเองตามมาตรา 39 เลยอดได้ค่าสงเคราะห์บุตรรายเดือน
เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเราสามารถมายื่นขอรับได้ก็ต่อเมื่อเป็นผู้ประกันตนแล้วเท่านั้น เมื่อยื่นเรื่องแล้วก็ต้องรอไปอีกสามเดือน เงินถึงจะจ่ายให้ทุกเดือนจนกว่าลูกจะอายุครบ 6 ขวบ ปัจจุบันก็ยังได้อยู่ที่อัตราเดือนละ 400 บาทนะ (ได้ข่าวว่าจะเพิ่มให้ ก็เท่าเดิมหนิ ลูคนโตสี่ขวบละนะ เศร้าเลย ฮือ)

ใครที่กำลังเตรียมตัวจะไปยื่นเรื่อง วันนี้เอารายละเอียดมาฝากกันนะว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง
(อ้างอิงจากข้อมูลของเว็บประกันสังคมเมื่อ กพ 2561)

หลักเกณฑ์และเงื่อนไข


  • จ่ายงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนเดือนคลอดบุตร
  • จ่ายค่าบริการทางการแพทย์เหมาจ่ายกรณีคลอดบุตรให้แก่ผู้ประกันตนในอัตรา 13,000 บาทต่อการคลอดบุตรหนึ่งครั้ง สำหรับผู้ประกันตนหญิงมีสิทธิรับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรเหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ยเป็นระยะเวลา 90 วัน สำหรับการใช้สิทธิบุตรคนที่ 3 จะไม่ได้รับสิทธิเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรเหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ยเป็นระยะเวลา 90 วัน
  • กรณีสามีและภรรยาเป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ให้ใช้สิทธิในการเบิกค่าคลอดบุตรฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่จำกัดจำนวนบุตร/ครั้ง

เอกสารประกอบการยื่นคำขอประโยชน์ทดแทน กรณีคลอดบุตร


  1. แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน สปส. 2-01 ผู้ประกันตนกรอกข้อความครบถ้วน พร้อมลงลายมือชื่อผู้ยื่นคำขอ (เอกสารฉบับนี้ขอได้ที่ประชาสัมพันธ์ของสำนักงานประกันสังคมที่เราเข้าไปใช้บริการค่ะ)
  2. สำเนาสูติบัตรบุตร 1 ชุด (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสำเนาสูติบัตรของคู่แฝดด้วย)
  3. สำหรับผู้ประกันตนชายให้แนบสำเนาทะเบียนสมรส กรณีไม่ได้จดทะเบียนสมรสให้แนบหนังสือรับรองของผู้ประกันตนกรณีไม่มีทะเบียนสมรส
  4. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรก ซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ยื่นคำขอ

สถานที่ยื่นเรื่อง

ยื่นได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขา ที่สะดวก (ยกเว้นสำนักงานใหญ่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข)
สรุปแล้วถึงคุณแม่กลายเป็นคนว่างงาน แต่ถ้าส่งประกันสังคมในอดีตมีแต้มบุญติดต่อกันเกิน 5 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนคลอดบุตร เราก็สามารถใช้สิทธิรับค่าคลอดเหมาจ่ายและเงินสมทบกรณีลาคลอดได้ 90 วันเหมือนกันค่ะ วิธีเช็คว่าส่งครบมั๊ย ลองล็อกอินเข้าระบบออนไลน์ไปไล่ดูก็ได้นะว่าส่งครบรึเปล่า ดูย้อนไปได้จนถึงวันแรกที่เราส่งประกันสังคมเลยแหละ
หวังว่ารีวิวนี้จะมีประโยชน์กับว่าที่คุณแม่ Working Mom ทั้งหลายไม่มากก็น้อยนะคะ
พบกันใหม่บทความหน้า บ๊ายบาย ^^

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

อ่านจบแล้วอยากฝากคอมเม้นอะไรบ้าง?