รีวิว Nintendo Switch ซื้อมา Day One มันดียังไง? | Kaosuaylunla Diary

รีวิว Nintendo Switch ซื้อมา Day One มันดียังไง?

ตั้งแต่มีข่าวเปิดตัวเครื่อง Game Console ค่าย Nintendo ที่มีชื่อว่า "Nintendo Switch" (มีโค้ดเนมด้วยนะว่า NX)ทุกคนต่างตื่นตัวกับนวัตกรรมที่ทางนินเทนโด้นำเสนอเอามากๆ เพราะมันคือการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนที่ชื่นชอบเกมในค่ายปู่นินเป็นทุนเดิม เพิ่มเติมคือพกพาก็ได้ หรือจะเอามาต่อจอใหญ่ที่บ้านเพื่อเพิ่มอรรถรสก็ยังได้ กระแส Day One (วันแรกที่วางจำหน่าย) ทำเอาร้านหลายๆที่มีภาวะ "ของขาด" ไปตามๆกันทั้งๆที่ สนน ราคามัน "ไม่ถูก" เมื่อเทียบกับสเปกเครื่องที่ไม่ได้พรีเมียมมาก (ในไทยเครื่องเปล่าเริ่มต้นแถวๆ 14.5k แผ่นเกมอยู่ที่พันถึงสองพันต้นๆแล้วแต่ Title กับร้านจัดจำหน่าย) สำหรับใครที่กำลังเสพข่าวไม่ว่าจะในทางลบหรือทางบวกก็ดี วันนี้เราจะขอมาแชร์มุมมองของ User คนนึงที่มีต่อเจ้าเครื่อง Nintendo Switch หลังลองเล่นในฐานะลูกค้า Day One ค่ะ

รีวิว Nintendo Switch
ซื้อมา Day One มันดียังไง?

แน่นอนว่าเราไม่ได้ปลื้มปู่นินไปซะทุกเรื่อง รีวิวนี้จะพูดถึงประสบการณ์จริงและมิติที่เรามีต่อเครื่องนินเทนโด้ สวิทช์ แบบคนเล่นเกมที่ไม่ได้เป็นสายเกมเมอร์ฮาร์ดคอร์ แต่เป็น Game Lover คนนึงเล่าสู่กันฟัง เราลองมาดูราคา + ของแถม ที่ทางผู้จัดจำหน่ายไทยวางไว้ ราคา Day One ที่เราซื้อมา สี Grey ราคา 17,490 บาท ประกอบไปด้วยเครื่อง Nintendo Switch + Amiibo* 5 ตัว + เกม 2 แผ่น (แอบบังคับเซลด้า + เกมอะไรก็ได้อีก 1 เกม ตรงนี้แล้วแต่ร้านจะมีให้เลือก)

*Amiibo เป็นฟิกเกอร์จากเกมค่ายนินเทนโด้ที่มีชิพฝังอยู่สามารถเอามาลงทะเบียนเพื่อรับไอเท็มเพิ่มเติมในเกมได้ ปกติจะต้องมีเครื่องสแกนแยก แต่ NX สามารถใช้ Joy-Con สแกนได้เลย ง่ายดายอีซี่ม๊วกๆ
บ่นนิดนึง Animal Crossing มันยังไม่มาลง NX จะแถมมาให้ช้ำใจทำม๊ายยย ถ้าแถมเซลด้า มาริโอ้ เออเข้าใจนะ พอเมคเซนส์ แต่ก็ช่างเถอะ "ของแถม" อะมันคือของแถมมม (เคส RE7 ไม่เกี่ยวกับ Day One นะฮะ เผลอวางด้วยกันเดี๋ยวเข้าใจผิด แฮ่ <3) 

ต่อมาก็ตัวสเปกเครื่อง ลองมาดูทีละจุดกันก่อนเลย 

เครื่องเกม Nintendo Switch 


วางขาย World Wide วันที่ 3 มีนาคม 2017 ราคาเปิดตัว 299 เหรียญ หรือประมาณหมื่นนิดๆ
ขนาดตัวเครื่อง (รวม Joy-con) : 102mm x 239mm x 13.9mm
น้ำหนัก: ประมาณ 297g (เมื่อรวมกับ Joy-Con จะหนัก 398g ก็คือเกือบๆ 4 ขีด)
หน้าจอสัมผัส capacitive จอ LCD ขนาด 6.2 นิ้วความละเอียด 1280×720 px
CPU และ GPU: Tegra ของ NVIDIA
Wireless LAN (IEEE 802.11 a/b/g/n/ac compliant) ต่อ Wi-Fi ง่าย
มีระบบเชื่อมต่อ Social Media (Facebook/Twitter) แต่ยังไม่สามารถตั้งค่าโพสได้เยอะนัก
(ยังไม่ซัพพอร์ตภาษาไทย/ตั้งค่า Privacy ในโพส/ตั้งค่าโพสไปหน้าแฟนเพจ)

การ Capture Screenshot (ภาพนิ่ง) ทำได้ง่ายในปุ่มเดียว
แต่ยังไม่สามารถอัดวิดีโอเกมเพลย์จากเครื่องได้โดยตรง
Bluetooth 4.1 (แต่ยังไม่เปิดใช้งาน เอ้า งง เด้ งง)
หน่วยความจำของเครื่อง: 32 GB แต่ยังคงมีตลับเกมไว้ใส่แยกเหมือนเดิม
มีช่องเสียบ microSD: รองรับ microSD, microSDHC และ microSDXC
ออกแบบที่ปิดช่องเสียบการ์ดให้เป็นขาตั้งได้ด้วย (แต่ก็ดูไม่แข็งแรงเท่าไหร่นะ)

ความละเอียดภาพสูงสุดเมื่อต่อทีวี: 1920×1080 px , 60 ftp/s
แต่เล่นบนในโหมด Hand Held จะอยู่ที่ 1280×720 px
ลำโพง: สเตอริโอ มีช่องเสียหูฟังมาตรฐาน แต่ไม่ซัพพอร์ตหูฟังบลูทูธ (แบบ งงๆ)
Port ชาร์จที่ Tablet เป็น USB Type C
ตัว Dock แท่นวางจะมี Port สำหรับชาร์จไฟเป็น USB Type C และช่อง HDMI มาตรฐาน
การชาร์จเครื่องสามารถเสียบสายชาร์จตรงๆก็ได้
การชาร์จ Joy-Con ต้องต่อกับตัว Tablet แล้ววางชาร์จบน Dock เท่านั้น
...ใช่ค่ะ ที่ Joy-Con ไม่มีรูให้เสียบชาร์จใดๆ... นางเลยมีการขายจอยแยก!!! (WTF?!!)
เวลาเล่นแต่ละเกมมันจะมี Instruction บอกว่าเกมนั้นๆซัพพอร์ต Toch Screen มั๊ย?  สามารถเล่นกับการต่อจอยแบบไหนได้บ้าง ซึ่งจอยจะมีสไตล์การเล่นทั้งหมด 3 แบบคือ:

  1. แบบต่อกับ Tablet, 
  2. แบบถอดมาเล่นเดี่ยวๆแยก 2 จอย, 
  3. แบบต่อ Grip Controller จอยเดียวให้หน้าตาเหมือนจอยเกมธรรมดา

ความจุของแบตเตอรี่ 4310 mAh (ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้) หากแบตเสื่อมก็ต้องส่งให้นินเทนโดเปลี่ยนให้ (ซึ่งที่กล่องระบุว่าผู้จัดจำหน่ายโซน SEA อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์... พังทีก็สนุกละทีนี้) แบตเล่นเกมได้สูงสุดประมาณ 6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับเกม หากเป็นเกม เซลด้า จะเล่นได้ 2-3 ชั่วโมง เวลาในการชาร์จจากแบตหมดเกลี้ยงให้เต็มอยูที่ประมาณ 3 ชั่วโมง ถ้าไม่ใช้เครื่องเป็นระยะเวลานานๆ ต้องคอยเอามาชาร์จหรือเปิดเล่นทุกๆ 6 เดือน ไม่อย่างนั้นมีสิทธิ์แบตเสื่อมนาจา

บอดี้ด้านหลังเป็นรอยนิ้วมือง่ายและทำความสะอาดยากมาก ยังนึกไม่ออกว่าจะเอาอะไรเช็ดดี แต่หน้าจอดูแลปกติเหมือน Tablet ทั่วๆไป ถ้ามีไม่กระเป๋าแยกก็ควรติดฟิล์มกันรอยนิดนึง เราเองยังไม่ได้ติด พอดีมีกระเป๋าคลัทช์ที่ด้านในบุกำมะหยี่เลยใช้พกได้สบายๆไม่มีปัญหาอะไร

เวลาจอ Tablet เป็นรอยนิ้วมือก็ใช้ผ้าเช็ดเลนส์เช็ดๆถูๆ ดูแลไม่ยากๆ

ความเห็นส่วนตัวกับเครื่อง NX แบบไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรมาก: 

มันเหมือนจะดี แต่มันก็ไม่ได้ดีอะ (งงเด้งง 555) เริ่มตั้งแต่ประสบการณ์แกะกล่องเลยละกัน คือทำมาดีนะ นึกถึงค่ายแอปเปิ้ลเบาๆเลยตอนแกะกล่องมาครั้งแรก ทุกอย่างดูลงล็อกมีเรื่องมีราว มีอุปกรณ์เยอะแยะครบครัน ขาดอย่างเดียวคือ "คู่มือ" มันไม่มีเล่ม Manual มาสอนการประกอบเครื่องค่ะ แต่!! ครั้งแรกที่เรากดเปิดเครื่อง หน้าจอมันจะมี Tutorial ให้เราทำตามทีละขั้นไปจนถึงการต่อเข้ากับจอทีวีเลย ซึ่งมันง่ายนะ ไม่ยุ่งยาก ง่ายเกินไป ง่ายจนระแวง บางทีก็ไม่แน่ใจว่าที่ทำๆไปเครื่องมันจะพังคามือมั๊ย ยิ่งรุนแรงอยู่ด้วย 55555

วัสดุเน้นความ "เบา" และพกพาง่ายไม่ว่าจะเป็นตัว Dock ที่เอาไว้แทนแท่นชาร์จหรืออุปกรณ์อื่นๆ สัมผัสนินเทนโด้สวิตช์ครั้งแรกแต่ละชิ้นมันเป็นฟีลพลาสติกหลายๆเกรด (แต่ละชิ้นดูมีความทนทานกันคนละระดับ) ซึ่งพอบางชิ้นมันเบาเราเลยรู้สึกว่ามัน "ก๊องแก๊ง" ดูมีความเป็นของเล่นมากอะ ไม่ใช่สัมผัสแบบเวลาเราจับ PSVITA หรือ 3NDS มันเหมือนเป็น Tablet ที่มีจอยงอกมา โอเคแรกๆจะรู้สึกแปลกๆเพราะความยาวมัน "ใหม่" เรายังไม่เคยได้สัมผัสเครื่องอะไรที่มันยาวขนาดนี้กว้างประมาณนี้ แต่หลังจากเล่นๆไปสัก 2-3 วันมันจะเริ่มชิน ก็ไม่มีปัญหาในการเล่นนะ บางคนอาจจะถนัดคนละแบบ ก็ลองหาแบบที่ตัวเองชอบดู เราไม่มีปัญหานะ เล่นได้สมูทเรื่อยๆ

การแสดงผลบนจอทีวีเทียบได้กะเกมดีๆบน PS3 เลยนะ ถือว่าทำมาดีมากสำหรับเครื่องที่ออกแบบมาให้เป็น Game Console "Hand Held" ที่คุณสามารถต่อขึ้นจอทีวีได้ด้วย ตีมมันมาทางการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์นะคะจำวรั๊ยย ไม่ได้ทำมาตอบโจทย์ Hard Core เกมเมอร์(โว้ย) ถึงกระนั้นก็มีจุดที่สอบตกหลายๆอย่าง ยิ่งมาวางขายในประเทศไทยเรามองว่ามันราคาค่อนข้างสูงเทียบกับเซอร์วิสที่คนไทยจะได้ มันไม่มีศูนย์บริการลูกค้า ไม่มีข้อมูลภาษาไทย ไม่มีเว็บสำหรับไทย เข้า e shop ในนินเทนโด้ถ้าสร้างแอคเค้าไทยจะไม่สามารถโหลดคอนเท้นเพิ่มเติมได้ ต้องซื้อแผ่นอย่างเดียว และฉลาก+กล่อง+คู่มือทุกอย่างอังกฤษหมดเพราะผู้จัดจำหน่ายคือบริษัทในสิงคโปร์ ไม่คุ้มกับคนที่ "คาดหวัง" บริการหลังการขาย จะเอามาเล่นเกมมาราธอนยาวๆก็ไม่เหมาะ แบตจอยกับตัวเครื่องมีมาน้อยมันขาดความต่อเนื่อง ต่อให้เราเสียบสายชาร์จทิ้งไว้ก็ต้องถือเล่นใกล้ๆปลั๊ก ไม่สามารถวาง Dock แล้วนั่งเล่นยาวๆสบายๆได้ (เพราะแบตจอยมันแยกกะจอละ Joy-Con ชาร์จโดยตรงไม่ได้... หึ) ความพีคอีกอย่างคือรูเสียบหูฟังอยู่ด้านบน เวลาเล่นมันก็จะรู้สึกเกะกะตาแปลกๆ มีระบบบลูทูธแต่ยังไม่มีการซัพอร์ตหูฟังบลูทูธ(โคตรไม่เมคเซ้นนนนส์) เพราะงั้นพอต่อทีวีจะไม่สามารถใส่หูฟังได้ค่ะ เฟลเบาๆ ฮือ

ความดีงามของ Nintendo Switch นอกจากระบบที่ทำมาตอบสนองว่องไว ใช้งานง่าย คือ "เกม" ที่ Exclusive เล่นได้เฉพาะค่ายปู่นินนี่แหละ เซลด้าก็เป็น 1 ในนั้น
(ภาพ Screen Capture จากเกม Zelda Breath of the Wild จริงๆ ละมุนมากก)

เกมบ้าอะไรกวาดคะแนนเต็มจากสำนักใหญ่ๆทั่วโลกได้เยอะขนาดนั้น ขายดีจนของขาดตลาดหุ้นนินเทนโด้ดีดขึ้นรัวๆ ถามว่ามันคุ้มกับ Hype ที่บิ้วมามั๊ย บอกเลยว่าถ้าไม่ได้เซลด้า นางทำได้แค่ปริ่มๆผ่านแบบเกือบจะตกมาตรฐาน ตัวเรายังไม่เจออะไรที่ Malfunction เลยยังให้ผ่านอยู่ในแง่ของการใช้เล่นเกมก่อนนอน(ห้องนอนไม่มีทีวี) การเอาไปเล่นนอกบ้านเวลาเดินทาง ฆ่าเวลาเพลินๆจากการไถ Social Media Feed สิ่งที่รู้สึกว่าทำให้เรา "คาดหวัง" มากกว่านี้ คือ "ราคา" ที่ตั้งไว้สูงเกินไปเมื่อเทียบกับสิ่งที่เราได้ สอยมาใน Day One การได้ Amiibo 5 ตัวไม่มีความหมายเลยเพราะไม่มีเกมนั้นๆให้เล่น (บ้าเอ๊ยยย) 1-2 Switch เป็นเกมที่เอาไว้อวดศักยภาพเซ็นเซอร์และการสั่นของ Joy-Con ที่จิ๋วแต่แจ๋วนี่แหละ ไม่ได้สนุกทุกเกม และมันเหมาะเล่นเป็นวงใหญ่ๆ เล่นสองคนแปปๆก็เบื่อ เล่นได้ไม่นาน แนะนำให้คล้องสาย Joy-Con เอาไว้เวลาเล่นเกมนี้ น้ำหนักจอยมันเบามาก หลุดมือง่ายจริงๆ

อนาคตคาดว่าปู่นินจะออกอัพเดทอะไรต่างๆออกมาเรื่อยๆ ตอนนี้อะไรหลายๆอย่างดูไม่พร้อม (แต่ออกอุปกรณ์เสริมมาพร้อมมากนะปู่ จอยเสริม กระเป๋าเสริม ฯลฯ ดูดทรัพย์กันรัวๆ บ้าจริง) แต่ Zelda Breath of the Wild เป็นเกมที่โคตรดีมันก็เลยค่อนข้างโอเคระดับนึง เกมมีความยาวใช้ได้ และเป็นเกมที่เล่นได้เรื่อยๆไม่ต้องหักโหม ส่วนตัวที่สอยมาเพราะอยากเล่น Story of Seasons ที่มีการคอนเฟิร์มมาแล้วว่าจะพอร์ทมาลง Nintendo Switch ด้วยแน่นอน เกมคลาสสิกๆอย่างมาริโอ้, Bomberman จะมาช่วยเสริมทัพให้เครื่อง NX กลายเป็นเครื่องที่น่ามีติดบ้านเหมือนสมัย Game Boy Advanced อย่างแน่นอนค่ะ

คุ้มไม่คุ้ม ชอบไม่ชอบ มันเป็นรสนิยมของแต่ละคน บางทีเราถูกจริตกับเกมค่ายนี้ก็ซื้อเครื่องนี้ อยากเล่นเกมค่ายไหนก็ไปซื้อคอนโซลเครื่องนั้น บ้านนึงไม่ได้จำเป็นจะต้องเล่นเกมค่ายเดียวเสมอไป ลองชั่งใจแล้วก็ปรึกษาเงินในกระเป๋าก่อนลุยนะ ถามความเห็นส่วนตัวไม่ได้เชียร์ให้ซื้อเดี๋ยวนี้ รอซื้อตอนระบบในไทยและเวอร์ชั่นซอฟท์แวร์เข้าที่เข้าทาง+มีเกมให้เล่นหลากหลายกว่านี้อาจจะดีกว่า แต่ถ้าเป็นคอเกมค่ายปู่นินอยู่แล้ว ชอบเกมสไตล์ Zelda, Mario, Bomberman, Harvest Moon มีนินเทนโด้ไว้ยังไงก็คุ้มค่ะ

ใครสงสัยอะไรแวะมาคอมเม้นถามไว้ได้นะ จะได้เป็นแนวทางผลิตงานชิ้นต่อๆไปให้อ่านกัน ขอขอบคุณทุกคนที่หลงมาอ่าน ไว้คราวหน้าจะแวะมารีวิวเกมบ้างละ บ๊ายบายยย ^^

Disclaimer: This is 100% Consumer Review

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

อ่านจบแล้วอยากฝากคอมเม้นอะไรบ้าง?