เวิร์คชอป Exploring Aēsop จบที่ตกเป็นทาสการตลาด (อีกแล้ว) | Kaosuaylunla Diary

เวิร์คชอป Exploring Aēsop จบที่ตกเป็นทาสการตลาด (อีกแล้ว)

ได้ยินชื่อแบรนด์ Aēsop (เอ-สอป) มาพักใหญ่ๆ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทดลองผลิตภัณฑ์ของเค้าสักที พอเห็นมีจัดเวิคชอปที่ Central ลาดพร้าว เราเลยไปลงทะเบียนกับทางแฟนเพจ A1113 บรรยากาศภายในงานกับความรู้ที่ได้มีอะไรบ้างตามมาอ่านกันที่บล็อกนี้ได้เลยค่ะ

Exploring Aēsop Workshop
21.01.2017


หลังจากลงทะเบียนเสร็จแล้วทีมงานก็พามานั่งในห้องที่มีอุปกรณ์ต่างๆเตรียมเอาไว้ ช่วงแรกจะเป็นการทำความรู้จักกับแบรนด์ Aēsop (เอ-สอป) แบรนด์จากประเทศจิงโจ้ ออสเตรเลีย ที่มุ่งเน้นใช้งานออกแบบผลิตภัณฑ์สกินแคร์สำหรับผิวหน้า ผิวตัว จนไปถึงเส้นผมและหนังศีรษะ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ชีวิตของทุกคน อย่างที่เค้าเตอร์เวลาซื้อผลิตภัณฑ์เค้าจะไม่มีการบรรจุใส่ "กล่อง" เนื่องจากบรรจุภัณฑ์ของ เอสอป มีรายละเอียดพิมพ์ไว้ครบในผลิตภัณฑ์ทุกชิ้น ขวดเป็นพลาสติกเกรดดีที่ตกไม่แตก ฉลากใช้หมึกที่โดนน้ำก็ไม่ลบเลือน สามารถใช้ได้จนหมด แล้วยังเน้นเรื่องประสบการณ์ของลูกค้า ที่เวลาแวะมาเค้าเตอร์จะได้รับบริการชาร้อนตามฤดูกาล

เรียกได้ว่าเป็นเค้าเตอร์แบรนด์ที่น่าแวะเวียนไปเยี่ยมชมมากๆเลย นอกจากมีทุกผลิตภัณฑ์ให้เราได้ทดลองใช้ ทีมงานแอบบอกเราว่าเค้าไม่มีระบบเมมเบอร์หรือสะสมแต้มเพื่อให้ได้สินค้าขนาดทดลองนะ จะมีแจกเฉพาะอีเว้นท์ Exclusive อย่างเช่นเวิร์คชอปแบบนี้เป็นต้น ซึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสารของเอสอปมี เว็บไซต์, ทวิตเตอร์ กับอินสตาแกรมเท่านั้น


พูดถึงความประทับใจแรกกับผลิตภัณฑ์หมวด Cleansing กันก่อน วันนั้นทาลิปแมทไคลี่ไป ซึ่งมันมีความทนทานในเลเวลกินข้าวกินน้ำอยู่ได้ทั้งวัน ลองใช้ตัว Gentle eye makeup remover โปะไว้แล้วลูบออก ลิปหลุดออกมาสะอาดหมดจดมาก คือดี๊ดี ส่วนบริเวณใบหน้าอื่่นๆจะเป็นคลีนซิ่งแบบครีม สัมผัสได้เลยว่าพอเช็ดเมคอัพออกมันสะอาดและหน้านุ่มมาก ไม่ตึง ไม่รุ้สึกแห้งๆเหมือนเวลาเราใช้ Cleansing ตระกูลโฟมหรือวอเตอร์ทั่วๆไป


ในเวิคชอปได้ทดลองผลิตภัณฑ์ของเอสอปแบบครบทุก Range สำหรับผิวหน้าจริงๆ ได้มาสก์หน้ากับตัว Facial Balancing Gel ที่มีหน้าตาเหมือนน้ำผึ้งด้วยนะ


สามารถผสมตัว Face Oil สูตรที่เหมาะกับผิวตัวเองลงไปด้วยได้ คุณสมบัติของแต่ละตัวก็จะเหมาะกับสภาพผิวที่แตกต่างกัน Fabulous Face Oil ใช้ผสมกับครีมเดิมที่มีอยู่เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นมากขึ้น เติมออร่าให้ผิวดูเปล่งประกาย ส่วน +Damascan Rose Facial Treatment เน้นปรับสภาพผิวให้กับผิวเซ้นสิทีฟแพ้ง่ายให้กลับมาแข็งแรงสุขภาพดี และ Parsley Seed ที่ดังๆมันเหมาะมากๆกับคนเมืองเพราะเน้นเรื่องการต่อต้านอนุมูลอิสระปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆที่ต้องเจอในชีวิตประจำวัน


หลังจากมาสก์หน้าเสร็จก็เช็ดออกด้วยโทนเนอร์ซึ่งก็มีสูตรที่เหมาะกับแต่ละสภาพผิว มาถึงการดูแลผิวเฉพาะจุดบริเวณริมฝีปากและรอบดวงตา อันรอบดวงตาไม่เท่าไหร่ แต่ริมฝีปากนี่พีคมาก ชอบมาก เป็นลิปครีมที่ทาแล้วปากเหี่ยวๆมันฟูขึ้นมาแบบทันที เป็น Instant Effect ที่เหมาะมากๆสำหรับใช้ก่อนลงลิป ไม่ทิ้งความมันเอาไว้ เพราะงั้นไม่ทำให้ความติดทนของลิปลดลงแน่นอน มือไม้สั่นมากตอนได้ลอง ต้องเสียตังกับตัวนี้อะพูดเลย (ฮา)


ปิดท้ายเวิคชอปด้วยการแจกของขวัญให้กับผู้เข้าร่วมทุกคน ได้มาหลายชิ้นมาก ถ้ามีโอกาสได้ลองใช้แล้วจะมารีวิวนะคะ นี่ทุกคนเชียร์ตัวเซรั่มเอามากๆ แต่เสียตังกับตัว Rosehip Seed Lip Cream แทน


สำหรับราคาผลิตภัณฑ์มีทั้งถูกและแพงคละๆกันไป (โดยส่วนใหญ่จะแพง แต่ก็แลกมาด้วยปริมาณที่เยอะมากๆ) โชคดีที่เราเสียตังไม่เยอะ แค่ 560 บาท สำหรับ Rosehip Seed Lip Cream ขนาด 6ml ใครที่แวะไปซื้อก็จะได้รับบริการเป็นชาร้อนๆกับถุงผ้ารักโลกทนถุงชอปปิ้งทั่วๆไป


บล็อกนี้เขียนจากประสบการณ์จริงไม่ได้มีเจตนาในการโฆษณาผลิตภัณฑ์แต่อย่างใดนะคะ หากใครเคยลองตัวไหนแล้วปลื้มจริงจังก็แวะมาคอมเม้นให้เพื่อนๆคนอื่นๆได้มาเก็บข้อมูลกันได้ โดยส่วนตัวยังไม่สู้ราคาจริงๆ คงได้อุดหนุนอยู่ไม่กี่ตัว ยังไงก็เป็นอีก 1 ทางเลือกที่น่าพิจารณาสำหรับคนที่งบถึงค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านน้า เจอกันใหม่บทความหน้า บ๊ายบาย ^^

Disclaimer: This is my personal experience with Aēsop.
I did not purchased all these items mentioned and I didn't get paid to create this blog neither.

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

อ่านจบแล้วอยากฝากคอมเม้นอะไรบ้าง?