บล็อกเกอร์ส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดาค่ะ อย่าเอาคนดังกับบล็อกเกอร์ทั่วไปมารวมกันนะคะ คนดังที่มีบล็อก กับคนที่เขียนบล็อกเป็นงานอดิเรกมันไม่เหมือนกัน เรามีความรู้สึกพิเศษกว่าคนธรรมดาบ้างตรงที่ "แบรนด์" กับ "เอเจนซี่" มองว่าเราเป็น "สื่อ" ส่งของมาให้ลองบ้าง เชิญไปงานเปิดตัวสินค้าบ้าง เพราะตัวเนื้องานที่ลงในสื่อของบล็อกเกอร์(ที่ลงพร้อมๆกันหลายๆคน **ในแง่ดี) มันจะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับเค้าได้ เพราะคนยุคนี้ดูโฆษณาแล้วต้องมาหารีวิวดูซ้ำอยู่ดี ว่าตกลงมันทำได้ตามคำเคลมมั๊ย บางทีเคลมใหญ่มากแต่ดอกจันทร์สิบแปดดอกว่าวิจัยกับคน 18 คนตั้งแต่ พ.ศ. ไหน สถาบันไหนงี้ แล้วในดอกจันทร์ตัวเล็กเหมือนเงื่อนไขโปรโมชั่น บางคนซื้อมาแล้วเพิ่งมาเห็นส่วนผสม บางคนแพ้ก็เจ็บแล้วจำสิ วันหน้าต้องหาข้อมูลให้ละเอียด พิมเว็บแบรนด์ พิมชื่อสินค้า เพื่อจะเข้าไปดูว่าตกลงใส่สารอะไรบ้าง ส่วนมากในเว็บก็ไม่ใส่ส่วนประกอบเยอะๆหรอก ใส่แค่สารประกอบหลัก มานั่งพลิกขวดทีละแบรนด์หมดวันไม่ต้องทำมาหากินกันพอดี จิ้มอินเตอร์เนทไวกว่าเยอะ
ตรงนี้แหละที่ทำให้เหล่าบล็อกเกอร์ "ถูกค้นพบ" ตามโลกอินเตอร์เนท บางคนแบรนด์ไม่เคยเชิญเลยก็มี รีวิวของในชีวิตประจำวัน มีเงินก็ซื้อลอง ลองเทสเตอร์กันบ้าง จนวันนึง "ถูกค้นพบ" แบรนด์ก็จะมีการ "จ้างรีวิว" เพราะอยากได้ "ความคิดเห็นของบล็อกเกอร์" (**ในแง่บวก) ถูกบันทึกเอาไว้บนโลกออนไลน์ เวลาคนเสิชจะได้คล้อยตาม อยากซื้อตาม
เกทใช่มะ?
สิบปีที่แล้ว บล็อกเกอร์เทคโนโลยีไม่สูงเท่าทุกวันนี้ค่ะ กล้อง mirror-less ไม่มี ยังฟลิปหน้าจอไม่ได้ การทำไฟสตูเป็นเรื่องไกลตัวมาก ทุกอย่างบ้านๆ มีความ Home Made มีความ Real ที่จับต้องได้สูงมาก คนเลยมาติดตามเรื่อยๆ จนบางแบรนด์ "ค้นพบ" ว่ายอดขายของสินค้าบางอย่าง ได้ความ Viral บอกกันปากต่อปากของบล็อกเกอร์นี่แหละ เข้ามาช่วยให้เงินในกระเป๋าชาวบ้านตาดำๆสะพัดเข้าสะพัดออกเป็นว่าเล่น "การจ้างรีวิว" เลยเริ่มมาจากตรงนี้ ในมุมของแบรนด์มองว่า "บล็อกเกอร์" เป็นสื่อบ้านๆ เข้าถึงคนอ่านได้ง่ายกว่าการลงโฆษณาตามนิตยสารหรือ Tie-In ในรายการทีวี ครีเอทีฟก็ไปทำบรีฟมาให้บล็อกเกอร์เขียนลงสื่อตัวเองตามนั้น บางคนรับ บางคนไม่รับ อันนี้เป็น "สิทธิ์" ในพื้นที่ของบล็อกเกอร์แต่ละคน ไม่สามารถเอามาเป็นบรรทัดฐานได้ว่า ราคาคนนั้น จะต้องเท่ากับคนนี้ เพราะตัวแปรไม่ใช่ผู้ติดตามค่ะ มันคือ "ความพอใจ" ของแต่ละคน ว่าจะตีมูลค่างานของตัวเองเท่าไหร่
บล็อกเกอร์ เขียนบล็อกให้คนอ่าน ซึ่งงานเขียนจัดเป็นวรรณกรรม เป็นศิลปะประเภทนึง เพราะฉะนั้นจะบอกว่าบล็อกเกอร์เป็นศิลปินก็ไม่ผิดค่ะ บางคนจะติสท์ ทำงานดีบ้าง ไม่ดีบ้าง เค้าก็ทำได้ ทุกอย่างคือพื้นที่ของเค้า การสร้างสรรค์ของเค้า ไม่จำเป็นต้องมาอยู่ในกฎเกณฑ์ของใคร ศิลปินจะดังได้ก็ไม่จำเป็นจะต้องอยู่มานาน บางคนตายไปทั้งๆที่ไม่มีใครรู้จักก็มี ดังนั้นถ้ามาเป็นบล็อกเกอร์แล้ว "ไม่มีใจรักในผลงาน" แต่มาเป็นบล็อกเกอร์เพราะ "เห็นช่องทางทำรายได้" แล้วขายไม่ออก ไม่ดัง ไม่มีคนจ้าง วันนึงก็จะหมดไฟไปเอง แต่เมื่อมีแบรนด์ "จ้างรีวิว" อย่างต่อเนื่อง เราก็เห็นหลายๆคนเติบโตเป็น "บล็อกเกอร์มืออาชีพ" ได้ในที่สุดค่ะ
ทุกวันนี้เมื่อมี Demand สูงขึ้น Supply ก็ต้องสูงตาม ไม่แปลกใจเลยที่เห็นบล็อกเกอร์หน้าใหม่ๆ ลงทุนกับไฟ ลงทุนกับกล้อง เขียนบล็อกไม่ถึง 10 บล็อกแต่ได้งานจ้าง ได้ของสนับสนุนจากทางแบรนด์กันรัวๆ ไม่ปฏิเสธนะว่าตอนนี้ตลาดกำลังต้องการ "สื่อ" แขนงนี้ เพราะเทียบกันในแง่ของการลงทุนโฆษณา จ้างบล็อกเกอร์ถูกกว่าการจ้างโปรดักชั่นทำ Scoop หรือลงแมกาซีนหน้าเดียวคิดตังเป็นแสน หลายคนที่อยากเกิดในวงการเลยเลือกที่จะทำตัวเป็นบล็อกเกอร์ "รับจ้างโฆษณา" ไปโดยไม่รู้ตัว ถ้าสนิทกันก็จะดึงสติอยู่หรอก แต่หลายๆเรื่องก็แล้วแต่ความพอใจของคน เป้าหมายแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราว่าคนอ่านที่ฉลาดๆก็มีเยอะ เค้ารู้ว่าคุณจริงใจกับคนอ่าน หรือจังจังกับเงินจ้างมากกว่า ตรงนี้อยากจะบอกกับทุกแบรนด์ และน้องๆหน้าใหม่ในวงการทุกคนนะ "อย่าคิดว่าคนอื่นโง่" คือถ้าเริ่มต้นว่าเราจะหลอกคนอื่นยังไงมันก็ไม่ใช่แล้วค่ะ เลือกไม่พูดถึงไปเลยซะยังจะดูดีกว่า เราเองถ้าเลือกได้ก็จะไม่หลอกคนอ่านด้วยการจัดอันดับ หรือมาบอกว่ามันดี โดยที่ไม่ได้ลองกับตัวเอง มีวิธีทำ Content หลายแบบให้เราเลือกใช้ ลองหาตรงกลางที่พอใจกันทั้งสองฝ่ายดูค่ะ ถ้าไม่ได้ ก็แค่หาคนอื่นที่ทำได้ ไม่จำเป็นต้องเอาคำว่า "จ้างรีวิว" มาบังคับกัน บล็อกเกอร์มีสิทธิ์ปฏิเสธ และแบรนด์ก็มีสิทธิ์ที่จะจ้างหรือไม่จ้างก็ได้ค่ะ
"ของดีมันขายได้ด้วยตัวมันเอง" อันนี้คือเรื่องจริง ไม่ต้องมานั่งมโน การจ้างบล็อกเกอร์รีวิวควรให้อิสระกับบล็อกเกอร์ในการสร้างสรรค์งานของตัวเองค่ะ การบรีฟแบบละเอียดยิบไม่เว้นพื้นที่ให้บล็อกเกอร์ได้คิดเองตรงนี้พูดเลยว่าเข้าข่าย "จ้างโฆษณา" เม็ดเงินควรอยู่ในเรทของการ "ทำโฆษณา" ค่ะ เพราะการจ้างรีวิวมันคือการ "ขอคิว" ประเภทนึง บล็อกเกอร์(ที่มีจิตวิญญาณนักเขียนจริงๆ)ทุกวันนี้ไม่มีใครว่างนะ ทุกคนเค้ามีเรื่องที่อยากเขียนอยู่ในใจกันแล้วทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเค้าจะอินกับอะไรมากน้อยแค่ไหน มันจะถูกหยิบมาเขียนเมื่อไหร่ตรงนี้บังคับกันไม่ได้ เวลา "จ้างรีวิว" เหมือนกับการล็อกคิวว่าเราต้องการ "ชิ้นงาน" ออกมาเมื่อไหร่ ส่วนใหญ่งานเขียนของบล็อกเกอร์ที่เขียนเองโดยไม่มีเงินจ้าง ถ้าไม่สะดวกรีวิว บางคนก็ลงภาพขอบคุณ บางคนก็ลงเป็นบทความ PR ตามเอกสารแนบที่แบรนด์ส่งมาให้ ตรงนี้อยู่ที่ความสะดวก ถ้าไม่มีบัดเจทการมาบังคับว่าต้องลงอะไร เมื่อไหร่ บอกตรงๆว่าจะเกิดผลแง่ลบกับผลิตภัณฑ์มากกว่าแง่ดี เหมือนโดนบังคับให้ทำรายงานแทนเพื่อนทั้งๆที่ไม่ใช่งานตัวเองอะค่ะ เจ้าของผลิตภัณฑ์มีสิทธิ์โดนเม้ายาวๆ แล้ววงการนี้ไม่ได้กว้างอย่างที่คิด เวลามีอีเว้นท์แต่ละทีทุกคนก็มารวมตัวกัน รู้จักกันหมด ใครทำอะไรใครไว้อย่านึกว่าจะไม่มีคนรู้ มันอยู่ที่ว่าเค้าจะหยิบมาพูดเมื่อไหร่ดีกว่า
คลิกเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความ Advertorial และ Sponsored Post
สุดท้ายอยากให้คนอ่านทุกคนรับรู้ว่า "ไม่มีใครทำตามใจคุณได้ 100%" เพราะโลกเรากลม ไม่มีใครสามารถยืนอยู่จุดเดียวกันได้ ขนาดเท้าซ้ายกับเท้าขวายังวางคนละตำแหน่งกันเลยค่ะ เราเลือกได้ว่าจะผลัดกันยืนในมุมนั้นเพื่อเข้าใจกัน หรือจะพยายามยัดเยียดให้เค้ายืนจุดเดียวกับเราแบบไม่เต็มใจนะ :)
You are what you choose to be.
XOXO,
Kaosuaylunla #Blogger101
blog สวยดีครับ
ตอบลบ