รีวิว The Danish Girl แบบพยายามจะไม่สปอยล์ (ทำได้เหรอ ถามใจดู) | Kaosuaylunla Diary

รีวิว The Danish Girl แบบพยายามจะไม่สปอยล์ (ทำได้เหรอ ถามใจดู)

The Danish Girl


เข้าฉายในไทย : 4 February 2016
ผู้กำกับ : Tom Hooper (ทอม ฮูเปอร์) จาก The King’s Speech และ Les Misérables
นักแสดงนำ : Alicia Vikander (อลิเซีย วิกันเดอร์) จากเรื่อง Ex-Machina , Eddie Redmayne (เอ็ดดี้ เรดเมย์น) จากเรื่อง The Theory Of Everything ที่ได้รางวัลออสการ์ สาขา นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเมื่อปี 2015 หักอกพี่โด้ (ลีโอนาโด ดิคาปริโอ) ชั้นไปแล้ว 1 รอบ มาปีนี้ต้องฟาดฟันอีกครั้ง (พี่โด้มาท็อปฟอร์มในเรื่อง The Revenant) คือออสการ์ปีนี้ขุ่นแม่นี่ลุ้นชิบหายเลยค่ะ (ฮา)

เรื่องย่อ : 

พบกับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นนิยาย จากบันทึกของ Lilli Elbe (ลิลี่ เอลเบ) สาวประเภท 2 คนแรกของโลก สู่เรื่อง The Danish Girl ถ่ายทอดความรักอันน่าทึ่งของไอนาร์ เวเกเนอร์ และ เกอร์ด้า เวเกเนอร์ ทั้งคู่แต่งงานกันตั้งแต่สมัยเรียนศิลปะ ปัจจุบันทำอาชีพจิตรกร โดยไอนาร์เน้นวาดภาพทิวทัศน์ที่สวยงามสมจริง ประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินแถวหน้าของเดนมาร์ก ส่วนเกอร์ด้าเน้นวาดภาพ Portrait ของคน จนวันนึงได้รับคำแนะนำจากราสมุนเซนด์ นายหน้าขายงานศิลปะ ว่าเกอร์ด้าจะดังได้ก็ต่อเมื่อมี "นางแบบ" ที่ใช่ แล้ววันนึงเธอก็ขอให้ไอนาร์มาเป็นแบบวาดภาพให้เธอ จนนำพาไอนาร์ ไปสู่การค้นพบ 'ลิลี่' ตัวตนภาคผู้หญิงของตัวเองที่นำไปสู่เปลี่ยนแปลงครั้งย­ิ่งใหญ่ในชีวิต

รีวิวที่พยายามจะไม่สปอยล์ (ฮา) :

หนังเป็นการผสมผสานระหว่าง ความรัก, ศิลปะ แฟชั่น และ ดราม่า ได้อย่างลงตัว หนังคุมมู้ดโทนได้ดีมาก คอสตูมทำให้เชื่อว่าเป็นหนังพีเรียด (ย้อนยุค) อย่างไม่รู้สึกติดขัดอะไร ในหนังไม่มีมุขตลกอะไรให้ขำ แต่จะเป็นการอมยิ้มในความน่ารักของคู่สามี-ภรรยา แล้วก็ปฏิกิริยาตอบรับของคนอื่นๆเมื่อเห็น "ไอนาร์" ในเวอร์ชั่น "ลิลี่" มากกว่า เพราะสมัยนั้นไม่มีการเปิดกว้างให้ Transgender หรือผู้ชายแต่งหญิง เลยไม่มีใครต่อต้าน "ลิลี่" เพราะไม่รู้ว่าลิลี่เป็นผู้ชาย เกอร์ด้าแนะนำลิลี่ว่าเป็น "ญาติ" ของไอนาร์จากบ้านนอก จากตอนแรกที่เข้าใจว่าไอนาร์จะได้กับผู้ชายสักคนในเรื่อง กลายเป็นว่ามันมีประเด็น Love Conflict ระหว่าง คู่สามี-ภรรยา และผู้ชายคนอื่นที่เข้ามาสร้างความหวั่นไหวให้ทั้งคู่ (นี่พยายามสุดฤทธิ์แล้วนะที่จะไม่สปอย 5555) จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสามีไม่สามารถทำหน้าที่สามีได้อีกต่อไป ส่วนภรรยาที่รักสามีอย่างหมดหัวใจจะไปได้ไกลแค่ไหนในการช่วยให้เค้าได้ในสิ่งที่ปราถนา มันดราม่าแบบกัดกินจิตใจมาก ดูจบแล้วน้ำตาจิไหล คือเข้าใจทุกคนในเรื่องนี้ แต่มันก็เป็นอะไรที่ทำใจได้ยาก ยิ่งเป็นเคสที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบนโลกนี้ ไม่มีอะไรบันทึกไว้ ไม่มีการศึกษาอย่างจริงจัง บันทึกของ "ลิลี่ เอลเบ" ถึงเป็นงานเขียนทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญสำหรับชาว Transgender ในยุคนี้ คือถ้าไม่มีเธอ การแพทย์ก็คงจะไม่ก้าวหน้าจนสามารถผ่าตัดแปลงเพศได้อย่างปัจจุบัน หลังจากดูหนังก็แอบมาหาบทความอ่านเพิ่มเติมเลยพบว่าตามบันทึก จริงๆแล้วเกอร์ด้าถูกสังคมมองว่าเป็นเลสเบี้ยน (เพราะรักสามีที่แปลงเพศ-แต่งหญิงแล้ว) แถมงานเขียนของเกอร์ด้าส่วนใหญ่จะเน้นไปทางภาพคนแบบอีโรติก แม้ว่าไอนาร์จะแปลงเพศแล้วแต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้หย่ากัน แต่ไอนาร์ในบันทึกตายหลังจากแปลงเพศได้ 3 เดือนเนื่องจากเกิดภาวะร่างกายต่อต้านหลังผ่าตัด (สาบานได้ว่านี่ไม่ได้สปอยล์) ตัวหนังหยิบเอาข้อความทางประวัติศาสตร์และนิยายมาผสานกันเป็นผลงานภาพยนตร์ที่น่าประทับใจ ดูจบแล้วทิ้งความรู้สึกหลากหลายไว้ให้คนดู แม้ว่านักวิจารณ์หลายๆค่าย (ส่วนมากคือผู้ชาย) จะออกมาบ่นเรื่องจริตของ Eddie Redmayne ที่แอคติ้งดูอินจนเยอะ แต่สำหรับเรามันโคตรจะเรียล คือสัมผัสได้ว่าอะไรบางอย่างที่เก็บกดอยู่ข้างในมันค่อยๆเผยออกมา ส่วนฝ่ายนักแสดงนำหญิง Alicia Vikander ครั้งนี้ขโมยซีนเอ็ดดี้ได้เยอะอยู่ค่ะ ตีบทแตกจนอินไปกับนาง ทั้งเห็นใจ สงสาร และเอาใจช่วยไปพร้อมๆกัน นับว่าเป็นอีกเรื่องที่แนะนำให้ไปดูกันนะ ได้ความสุนทรีย์ครบทั้งดราม่า โรแมนติก และด้วยความที่มันเป็นหนังเรท R อาจจะเจอฉากโป๊เปลือยแวบๆบ้าง ไม่ต้องตกใจนะคะ ไม่ได้มีเยอะจนน่าเกลียดแน่นอน

ภาพ :
Mood&Tone สไตล์ย้อนยุค สวยงาม อบอุ่น สไตล์ยุโรป
ตัดต่อ :
ลื่นไหลดีแต่มีฉาก Close Up เยอะจนบางทีก็รู้สึกน่าเบื่ออยู่เหมือนกัน (เข้าใจว่าต้องการให้เห็นอารมณ์นักแสดง)
เสียง :
อันนี้แทบไม่ได้สนใจเลย รู้สึกว่าเสียงไม่เด่นในเรื่องนี้
เนื้อเรื่อง :
ดีมากกกก คือมันเป็นประเด็นทางประวัติศาสตร์ กับเรื่องสถาบันครอบครัวที่น่าสนใจอะ
สรุป :
เหมาะกับผู้หญิง และผู้ชายสายอาร์ต ถ้าแมนๆอาจจะดูไปรำคาญพระเอกไปก็เป็นได้

เรื่องนี้ขุ่นแม่ได้ไปดูรอบสื่อกับทาง Jeban.com ผ่านกิจกรรมประจำเดือนมการาคมค่ะ มีคำเตือนฝากท้าย ด้วยความที่มันเป็นเรท R จะเห็นนมเห็นกะปู๋อู้หูเบาๆด้วยนะ อยากให้เตรียมใจกันนิดนึงเดี๋ยวไปชอคคาโรง (ฮา)

Disclaimer: I did not purchased the ticket my self but all opinion here is 100% my own.  

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

อ่านจบแล้วอยากฝากคอมเม้นอะไรบ้าง?