แชร์ 5 วิธีในการเลือก "ผลิตภัณฑ์" กันแดดในชีวิตประจำวัน | Kaosuaylunla Diary

แชร์ 5 วิธีในการเลือก "ผลิตภัณฑ์" กันแดดในชีวิตประจำวัน

ครีมกันแดด ร่ม แว่นกันแดด อาหารเสริม เสื้อผ้า ถ้าเลือกใช้ให้เป็นจะช่วยกันแดดในชีวิตประจำวันได้หลายเท่าตัว ก่อนอื่นเรามาเพิ่มความรู้เกี่ยวกับ "แสงแดด" กันก่อน เพื่อที่จะได้รู้ว่าในแสงแดด มีอันตรายอะไรบ้าง แล้วอะไรสามารถปกป้องผิวจากการถูกทำลายโดยมลภาวะทางแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้ขุ่นแม่เลยขอมาแชร์ 5 วิธี ในการเลือก "ผลิตภัณฑ์" กันแดด ในชีวิตประจำวันให้ฟังกันค่า

1. ผลิตภัณฑ์ผสมสารกันแดด

ส่วนใหญ่ที่รู้จักกันดีคือค่า SPF บนผลิตภัณฑ์เหล่านี้ สามารถกันรังสี UVB ซึ่งมีปริมาณเพียง 5% ในแสงแดด หลายๆคนมีความเข้าใจผิดๆว่า SPF ยิ่งสูง ยิ่งดี แต่จริงๆแล้วกลับตรงกันข้ามด้วยซ้ำ เพราะ ค่า SPF สูงๆ ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีนะเธอ ข้อเสียคือมันมีโอกาสทำให้ผิวเกิดการอุดตัน "หากทำความสะอาดหน้าไม่เกลี้ยง" ซึ่งค่า SPF ที่เสี่ยงต่อการทำให้เกิดการอุดตันบนผิวโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ SPF 60 ขึ้นไปค่ะ นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่แบรนด์ส่วนใหญ่ทำไว้แค่ SPF 50 แต่ใครเป็นนักกีฬากลางแจ้งต้องการความฮาร์ดคอร์ก็จะเล็งไปที่ SPF 90 - 100 + กันไปเลยซึ่งมันไม่มีความจำเป็นต่อคนทั่วๆไป


ค่า SPF แค่ 15 ก็สามารถป้องกันแสงแดดได้มากกว่า 93% แล้วล่ะ ยิ่งค่า SPF นี้สูงเท่าไหร่ อัตราการป้องกันแสงแดดมัน "ไม่สูงได้ถึง 100%" อย่างที่คิดนะจ๊ะ สิ่งที่สูงขึ้นแบบไม่มีที่สิ้นสุดคือ "ระยะเวลา" ที่ผิวเราสามารถทนแดดได้ จะ "นาน" ขึ้นเท่านั้นเอง ซึ่งบอกตรงๆว่าสารกันแดดโดยธรรมชาติจะหมดประสิทธิภาพหลังทาไปแล้ว 2 ชม. จากการเจอมลภาวะต่างๆในชีวิตประจำวัน เราถึงได้เห็นข้างขวดกันบ่อยๆว่า "ควรทาซ้ำเมื่อต้องการออกแดด" แถมเจอน้ำเจอเหงื่อก็มีสิทธิ์หลุดออกได้ด้วย

สิ่งที่น่ากลัวจริงๆคือรังสี UVA ในแสงแดดต่างหาก เพราะนอกจากจะมีปริมาณมากถึง 95% ในแสงแดดแล้ว ในแสงไฟ ในห้อง ในอาคาร หากโบกซีเมนต์หรือคอนกรีตทึบ ก็จะกัน UVB ออกไปได้ แต่เจ้า UVA สามารถผ่านเข้ามาได้ แถมยังมีปริมาณรังสีนี้อยู่ในหลอดไฟเล็กน้อยอีกด้วย สาวออฟฟิศทั้งหลายเลิกสนใจ SPF แล้วหันมาดูค่า PA กันดีกว่าค่ะ

ปัจจุบัน PA มี 4 ระดับตามมาตรฐานญี่ปุ่น
PA+
PA++
PA+++
PA++++

แน่นอนว่าสูงสุดคือ PA++++ แต่เราจำเป็นต้องใช้ถึง 4 บวกมั๊ยลองถามใจดูเนอะ
สรุปกันตรงนี้ว่าค่า SPF กันรังสี UVB ต้นเหตุของผิวไหม้แดด ฝ้า กระ ความหมองคล้ำ
ส่วน PA กันรังสี UVA ที่เป็นต้นเหตุของริ้วรอย ความเหี่ยวย่น ฝ้า กระ ความหมองคล้ำ นั่นเองค่ะ

2. แว่นกันแดด

จะถูกหรือจะแพงไม่สำคัญเท่าว่ามันกันรังสี UV ได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนตัวจากประสบการณ์สามารถเอาไปเช็คได้ที่ร้าน Burgundy Dipper (Metro Mall สถานีรัชโยธิน) เค้าจะมีเครื่องสำหรับวัดการป้องกันรังสี UV ของแว่น เราสามารถใช้แว่นตัวเองหรือแว่นในร้านวัดกับเครื่องนี้ก่อนตัดสินใจซื้อได้เลยค่ะ

สังเกตุง่ายๆในตอนซื้อที่สติ๊กเกอร์ 400UV แปลว่าสามารถกันคลื่นรังสียูวีได้สูงสุดถึง 400 นาโนเมตร ดวงตาหากจ้องมองแสงแดดโดยตรง หรือต้องทำงานในที่ๆมีแสงแดดจัด ต้องปกป้องด้วยแว่นกันแดดเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นต้อกระจก หรือกระจกตาเสื่อมก่อนวัยอันควร แนะนำมากๆโดยเฉพาะผู้ที่ต้องขับรถหรือเดินทางบนรถไกลๆที่ไม่สามารถหันหน้าหลบแสงแดดได้ค่ะ

3.ผ้าอเนกประสงค์

ในที่นี้ยี่ห้องดังเรียกกันติดปากคือ BUFF เป็นที่มาของคำว่า "ผ้าบัฟ"

แต่จริงๆจะยี่ห้อนี้มั๊ยนี่อีกเรื่อง เหมือนคนติดเรียกแฟ้บ (ผงซักฟอก) หรือแพมเพิร์ส (ผ้าอ้อมสำเร็จรูป) ผ้าบัฟ คือผ้าอเนกประสงค์ หลักๆมีไว้กันฝุ่นควันมลภาวะที่สามารถสัมผัสผิวได้โดยตรง ฮิตมากในหมู่สิงห์นักบิดหรือคนที่ต้องทำงานในไซต์ก่อสร้าง การทำความสะอาดที่ต้องเจอฝุ่นควันสูง ปกติตัวผ้าเองสามารถกันรังสียูวีได้ปริมาณนึง แต่ไม่สามารถวัดได้แล้วแต่วัสดุ ซึ่งยี่ห้อ BUFF เคลมไว้เลยว่าถ้าใส่แล้วจะกันรังสี UV ได้อย่างน้อย 93% ดังนั้นถึงจะลืมทากันแดดแต่ถ้ามีผ้าบัฟติดตัวก็เอาตัวรอดจากแสงแดดได้สบายๆหายห่วงเลยค่ะ


4.ร่ม

รู้รึเปล่าว่าร่มกันแดดสามารถกันฝนได้ แต่ "ร่มกันฝนอย่างเดียวอาจไม่สามารถกันแดดได้"

เนื่องจากร่มกันฝนที่ไม่ได้ฉาบปรอทสีเงินๆไว้ด้านใน จะไม่มีประสิทธิภาพในการกันแดด ถ้าถือร่มกันฝนแล้วหวังว่าผิวจะรอดละก็ แค่คิดก็ผิดแล้วนะจ๊ะ เพราะแสงแดดสามารถทะลุวัสดุของร่มกันฝนลงมาได้อย่างง่ายดาย หากต้องการซื้อร่มที่กันแดดได้ อย่าลืมตรวจเช็ควัสดุที่ใช้ทำร่มดีๆว่าด้านในเคลือบปรอทสีเงินไว้รึเปล่า สารเคลือบตัวนี้จะช่วยให้สามารถกันแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ

5.อาหารเสริม

ปัจจุบันมี "อาหารเสริมกันแดด" ออกสู่ตลาดมากมายหลายยี่ห้อ ซึ่งหลายๆคนก็สงสัยว่าอาหารเสริมมันมีค่า SPF กับ PA หรืออย่างไร? มันคือการกินสารเคมีเข้าไปหรือยังไง? วันนี้จะมาตอบข้อสงสัยนี้พร้อมแนะนำวิธีเลือกอาหารเสริมกันแดดที่มีประสิทธิภาพมาฝากกันค่ะ

สารที่ทำให้เกิดเป็นอาหารเสริมกันแดดคร่าวๆมีดังนี้


  • "แอสต้าแซนธิน" Astaxanthin
    เป็นสารที่ค้นพบจากสัตว์ทะเลเปลือกสีแดงอย่างกุ้ง ปู ที่บริโภค "สาหร่ายสีแดง" ในทะเลเข้าไป แอสต้าแซนธินนี้มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระสูงมากๆ สูงกว่าวิตามินซี ถึง 6,000 เท่า, วิตามินอี 550 เท่า และมากกว่า Coenzyme Q10 ถึง 800 เท่า เหตุนี้ในอาหารเสริมถึงเคลมกันว่าเป็น "อาหารเสริมกันแดด" เพราะหลังจากรับประทานเข้าไป เซลล์ผิวจะมีความแข็งแรงมากขึ้น ทนแสงแดดได้มากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาครีมกันแดดแต่อย่างใด ตรงนี้ไม่ได้ยุให้เลิกทาครีมกันแดดนะ เพราะมันไม่สามารถวัดได้ว่าหลังจากทานเข้าไปจะทนแดดได้มากกว่าเดิมกี่เท่า ผลลัพธ์ที่ได้แล้วแต่การตอบสนองของแต่ละบุคคล ถ้าเป็นคนที่ผิวบอบบางมากๆ เจอแดดแล้วไหม้ง่าย ยังไงก็ควรทากันแดดควบคู่อยู่ดีนะคะ ส่วนใครที่ผิวแข็งแรงอยู่แล้ว ถ้าแค่ใช้ชีวิตประจำวันทั่วไปถึงลืมทาครีมกันแดดก็ไม่มีปัญหาค่ะ

  • "สารสกัดจากเมล็ดองุ่น" Grape Seed Extract
    มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระสูงมากกว่าวิตามินซีถึง 20 เท่า และมากกว่าวิตามินอีถึง 50 เท่า จึงมีส่วนช่วยในการปกป้องผิวและฟื้นฟูสภาพผิวให้ขาวกระจ่างใสด้วย

  • "สารสกัดจากชาเขียว" Epigallocatechin Gallate(EGCG)
    เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีกว่าวิตามินอี 20 เท่า สามารถปกผิวที่ได้รับความเสียหายจากรังสี UV ได้ โดยปัจจุบันชาวญี่ปุ่นนิยมนำสารสกัดจากชาเขียวมาใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังอีกด้วย


ที่เหลือก็เป็นการตลาดแล้วแหละค่ะ ที่จะสื่อสารออกมาว่าทำไมอาหารเสริมชนิดนี้ถึงเป็น "อาหารเสริมกันแดด" เพราะแท้จริงสิ่งเหล่านี้คือการฟื้นฟูผิวพรรณ มอบความแข็งแรงให้กับเซลล์ผิว ชะลอริ้วรอย และลดการเกิดมะเร็งผิวหนังอย่างมีประสิทธิภาพ

เคยรีวิวไว้แบรนด์นึงแล้วที่บล็อกรีวิวสุดยอดอาหารเสริมกันแดดนี้

ใครอยากฟังแบบคลิปเผื่อจะเข้าใจง่ายขึ้นคลิกเลย

หวังว่าบล็อกนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันจนจบ ไว้พบกันใหม่ในบล็อกหน้า
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะค้า ^^

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

อ่านจบแล้วอยากฝากคอมเม้นอะไรบ้าง?