ร่วมงานฟังสัมมนากับ “เมิร์ซ เอสเธติกส์” ถกปัญหา “ดี้อโบ” เหตุคุกคามความงามที่ไม่ควรมองข้าม | Kaosuaylunla Diary

ร่วมงานฟังสัมมนากับ “เมิร์ซ เอสเธติกส์” ถกปัญหา “ดี้อโบ” เหตุคุกคามความงามที่ไม่ควรมองข้าม

แพทย์!!! เตือนสาวไทย “ดี้อโบ” เหตุคุกคามความงามที่ไม่ควรมองข้าม


ทาง “เมิร์ซ เอสเธติกส์” จัดสัมมนา “The Pure naked truth “BOtulinum TOXin resistance, The Beauty Threat” by Merz Aesthetics” สวยเด้ง สวยปัง ไม่พังเพราะดื้อโบ
ในวาระโอกาสที่ทางเมิร์ซ เอสเธติกส์ ฉลองครบรอบ 110 ปี ผู้เขียนได้มีโอกาสมาร่วมฟังสัมมนาร่วมรับความรู้จากนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกที่มาให้ความรู้เกี่ยวกับอาการดื้อโบต้อนรับเทรนด์ความงาม และสุขภาพปี 2018 พร้อมเผยตัวเลขว่าการฉีดโบยังฮิต
(แวะมาฟังสัมมนาเจอพี่พิมกับน้องสกาย แต่ละคนเซียนกันแล้วทั้งนั้นน อิชั้นก็เก็บข้อมูลรัวๆจ้า)

มีการเผยตัวเลขความนิยมว่าผู้หญิงไทย ฉีด โบทูลินั่ม ท็อกซิน เพื่อแก้ไขปัญหา 3 อันดับแรกคือ


  1. ปรับรูปหน้าให้เข้ารูป 63%
  2. ลดเลือนริ้วรอยต่างๆ อาทิ รอยตีนกา ริ้วรอยหน้าผาก 61%
  3. เสริมความมั่นใจ 47%

แพทย์ชี้ควรใช้โบที่มีคุณภาพ หลังพบหญิงไทยกว่า 82 % มีอาการดื้อโบ แนะนำควรใช้ โบทูลินั่ม ท็อกซิน ที่ได้รับการรับรองจาก อย. และไม่มีสารสะสมตกค้าง ที่สำคัญต้องให้ความรู้สึกสบายหน้า สามารถขยับหน้าได้ตามอารมณ์

เภสัชกรหญิง กิตติวรรณ รัตนจันทร์ ผู้จัดการใหญ่ประจำ บริษัท เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า
เมิร์ซ เอสเธติกส์ (Merz Aesthetics) เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมความงามจากเยอรมัน ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเวชภัณฑ์ยา และเทคโนโลยีความงามมากกว่า 1 ศตวรรษ ทั้งเป็นผู้นำทางด้านนวัตกรรมความงามกลุ่ม โบทูลินั่ม ท็อกซิน สารเติมเต็มฟิลเลอร์ เครื่องยกกระชับผิวหน้า อัลเทอร่า และเครื่องมือแพทย์ เพื่อการดูแลรักษาผิวพรรณ และรูปร่าง โดยได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามกว่า 90 ประเทศทั่วโลก ครั้งนี้จัดสัมมนาความรู้ด้านความงาม เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 110 ปี ในหัวข้อ “The Pure naked truth “BOtulinum TOXin resistance, The Beauty Threat” by Merz Aesthetics” สวยเด้ง สวยปัง ไม่พังเพราะดื้อโบ เพื่อให้หญิงสาวทุกคนได้รับรู้ถึงนวัตกรรมโบทูลินั่ม ท็อกซิน ที่ไร้สิ่งเจือปน และได้สัมผัสกับเสน่ห์แห่งความงามที่แท้จริง

ในงานเราได้รับเกียรติจาก วิทยากรพิเศษ ดอกเตอร์ เจอร์เกน เฟรเวิร์ต นักวิทยาศาสตร์ คนแรกของโลก ผู้คิดค้น วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ โบเยอรมัน บินลัดฟ้ามาให้ความรู้เฉพาะทางด้านความงาม และปัญหาที่เกิดจากการดื้อโบ

โบทูลินั่ม ท็อกซิน หรือ โบท็อกซ์

เป็นการฉีดโปรตีน เพื่อทำการลดเลือนริ้วรอย ซึ่งในระยะแรก โบทูลินั่ม ท็อกซิน ได้ถูกใช้ประโยชน์ด้านการแพทย์เพื่อรักษาผู้ป่วย แต่ในปัจจุบันได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในทางความงามมากกว่า เพื่อเป็นการลดริ้วรอย ปรับใบหน้าให้กระชับเข้ารูป เสริมความมั่นใจ ทำให้เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก นอกจากนี้ โบทูลินั่ม ท็อกซิน ยังเป็นหนึ่งในตลาดความงามที่มีมูลค่าอันดับต้นๆ และมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นทุกปี โดยในปี 2018 ธุรกิจโบทูลินั่ม ท็อกซิน มีมูลค่าตลาดสูงถึง 2.2 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ รวมถึงถูกคาดการว่าจะพุ่งไปถึง 3.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในอีก 3 ปีข้างหน้า และหากนับเฉพาะในประเทศไทย มูลค่าตลาดของโบทูลินั่ม ท็อกซิน มีค่าราว 1,200 ล้านบาท พร้อมมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง 8-10% ไปจนถึงปี 2021 เลยทีเดียว

แม้โบทูลินั่ม ท็อกซิน จะเป็นเทคนิคที่ทำได้รวดเร็วและเห็นผลชัดเจน แต่ผลของการฉีดจะไม่ได้อยู่อย่างถาวร ทำให้ผู้ใช้ต้องรับการฉีดใหม่เรื่อยๆ และหากสารฉีดมีความบริสุทธิ์ไม่เพียงพอ หรือมีโปรตีนที่ไม่ได้ส่งผลในทางบวกปนเปื้อนมาด้วย ก็อาจทำให้ร่างกายเกิดภูมิคุ้มกันต่อสิ่งแปลกปลอมนั้นๆ จนในที่สุดการฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซิน ก็จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ และจะนำมาซึ่งอาการที่เรียกกันว่า “อาการดื้อ โบ” ซึ่งในระยะสั้น จะส่งผลให้สูญเสียความมั่นใจในการใช้ชีวิต และเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ ส่วนในระยะยาวนั้น อาจนำไปสู่การลดทอนคุณภาพชีวิต จากการเสียโอกาสการใช้ยาโบทูลินั่ม ท็อกซิน เพื่อการรักษาความเจ็บป่วยในกรณีจำเป็นในอนาคต



ภายในงานได้รับการบอกเล่าประสบการณ์จากนางสาวนวลักษณ์ ผู้ประสบปัญหาดื้อโบ กล่าวว่า ตนเองเริ่มฉีดตั้งแต่อายุ 18 ปี เป็นระยะเวลา 12 ปีแล้ว และฉีดต่อเนื่องเพราะอยากให้หน้าเป๊ะ เริ่มจากปีละสองครั้ง ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเป็นปีละสี่ครั้ง และมีการเพิ่มโดสบ้าง จาก100 ยูนิต เป็น 200 ยูนิต ซึ่งเมื่อก่อนจะไม่ทราบเลยว่าจะมีผลข้างเคียง เพราะว่ายังเด็กอยู่ตอนนั้น มาทราบตอนที่รู้สึกว่าเอ๊ะ ทำไมฉีดแล้วไม่ได้ผล กรามไม่ลง ไม่สวยเป๊ะเหมือนเดิม ก็เลยเริ่มหาข้อมูลเพิ่มขึ้น
“ตอนแรกเครียดมาก คือพอมันไม่เป๊ะ เราก็ต้องคอยดูคอยเช็คหน้าตัวเองตลอด หรือไม่ก็ต้องเจ็บตัวมากกว่าเดิม เอาอย่างอื่นมาช่วย เช่น ร้อยไหม หรือ ฟิลเลอร์ จากที่โบอย่างเดียวเอาอยู่ ก็ไม่ได้แล้วทีนี้ และคิดจะไปตรวจเลยนะคะ แต่พอเลือก โบเยอรมัน เพราะรู้ว่าดีกว่า บริสุทธิ์กว่า รู้ว่าไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่ก็คือไม่ทำให้ดื้อโบเพิ่มขึ้น ใช้ โบเยอรมัน ตอนนี้ก็ประมาณ 1 ปีแล้ว ก็รู้สึกดีขึ้น ยังไม่ต้องไปตรวจ ไม่ต้องไปเจาะเลือด ตอนนี้ก็ปรับความถี่ตามที่คุณหมอแนะนำแทน”
“การดื้อโบ แม้จะไม่อันตรายถึงชีวิต แต่ก็จะทำให้เกิดผลแง่ลบต่อสุขภาพจิตแทน ซึ่งอาการนี้ยังไม่มีวิธีรักษาทางการแพทย์ และหากตรวจพบก็ต้องหยุดรับการฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซิน เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปี ดังนั้นหนทางที่สามารถทำได้คือ การป้องกัน โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ รับบริการแต่พอดี และพึงระลึกไว้เสมอว่าของถูก และดีไม่มีในโลก" เภสัชกรหญิง กิตติวรรณ กล่าวทิ้งท้าย
Disclaimer: บทความนี้อ้างอิงจาก Presskit ที่ได้มาจากงานสัมมนา ไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆในการเผยแพร่บทความค่ะ

data-matched-content-ui-type="image_card_stacked" data-matched-content-rows-num="1" data-matched-content-columns-num="3" data-ad-format="autorelaxed"

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

อ่านจบแล้วอยากฝากคอมเม้นอะไรบ้าง?