The Dressmaker (2015)
ชื่อภาษาไทย: แค้นลั่น ปังเว่อร์ระยะเวลาฉาย: 118 นาที
ดารานำ: Kate Winslet (เคท วินสเลท), Liam Hamsworth (เลียม แฮมสเวิร์ธ), Judy Davis (จูดี้ เดวิส)
ผู้กำกับ: Jocelyn Moorehouse (โจเซลิน มัวร์เฮ้าส์)
เขียนบทอ้างอิงจากหนังสือโดย: Rosalie Ham (โรซาลี่ แฮม)
เรื่องย่อ:
“เคท วินสเลต” นักแสดงสาวเจ้าของรางวัลออสการ์ จาก The Reader มารับบทบาทเป็น "ทิลลี่ ดันเนจ" ในภาพยนตร์ดราม่าที่โดดเด่นด้วยสไตล์แฟชั่นการตัดเย็บแบบ Houte Couture (โอ กูตูร์) ที่จะสะกดทุกสายตาของผู้ชม ในเรื่องราวของหญิงสาวช่างตัดเสื้ออันหรูหราและทันสมัยสไตล์ปารีเซียง ยุค 1950s ที่ได้กลับไปยังเมืองบ้านเกิดเล็กๆในประเทศออสเตรเลียของเธออีกครั้ง หลังต้องระหกระเหินออกจากบ้านจากการถูกชาวเมืองใส่ร้ายว่าเธอเป็นฆาตกรตั้งแต่อายุ 10 ขวบ การกลับมาครั้งนี้ด้วยความสามารถในการสร้างสไตล์ และแฟชั่นของเธอ ทุกคนที่ทำให้เธอต้องทนทุกข์มานานหลายปีต้องเจอกับการเอาคืนที่แสบสันต์ แต่ทรงพลังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยทีเดียวเกร็ดเกี่ยวกับหนัง:
ตัวหนังสร้างมาจากนวนิยาย "โกธิค" ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2000 แถมโด่งดังพอควรกับการขายได้มากกว่า 7 หมื่น 5 พัน ก็อปปี้ ได้รับการแปลในหลายภาษา หนังสือเองมีกิมมิคในการเล่าเรื่องผ่าน 4 บทซึ่งแบ่งออกเป็นประเภทของเนื้อผ้า คือ gingham, shantung, felt และ brocade เป็นบทสุดท้าย ตัวผู้เขียนเองได้มีส่วนร่วมในการเขียนบทภาพยนตร์ในครั้งนี้ด้วย หนังถูกกำกับโดยผู้หญิงอีกต่างหาก เลยไม่แปลกใจเลยที่มันมีความเป็น feminist ค่อนข้างสูงเว่อร์ ดูแล้วสาวๆกรี๊ด แต่หนุ่มๆอาจจะต้องส่ายหน้าในความอาร์ตตัวแม่ของพวกเรา (ฮา)
รีวิวแบบสปอยล์แหลก:
ตัวละคร cast ในเรื่องนี้พีคตั้งแต่เคทเลยข่า ยอมขุ่นแม่จริงๆ ยิ่งแก่ยิ่งสวย แถมเป็นความสวยแบบอวบอัดคลาสสิกเว่อร์ ไม่ใช่ผอมแห้งแบบปัจจุบันนิยม หนังมีความอาร์ตสูง แต่ไม่ได้เข้าใจยาก อาร์ตในที่นี้คือทั้ง composition (การจัดองประกอบ)ของภาพ การจัดแสง แล้วก็คอสตูม มันเพลินหูเพลินตาไปหมด เริ่มเรื่องมาเราจะเจอ montage (ภาพตัดสลับ) ของภาพเคลื่อนไหวจากหลายๆเหตุการณ์ที่ไม่ปะติดปะต่อกันเอามาโปรยตอน title ก่อนเข้าเรื่อง เปิดตัวด้วยขุ่นแม่เคทยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าหมู่บ้าน ลิปสีแดงเป็นไอคอนที่ตรึงตาที่สุดในหนังเรื่องนี้ นี่อยากพุ่งไปเหมาะลิปแดงให้ครบทุกเฉดในบันดล (ฮา)หนังเรื่องนี้มี Set Up เป็นหมู่บ้านแบบบ้านน๊อกบ้านนอก ชื่อ Dungatar (ดันกาตาร์) ในประเทศออสเตรเลีย ให้ฟีลแบบโนนหินแห่ ในการ์ตูนหนูหิ่นบ้านเรา แต่เป็นบ้านเค้า ไม่งงเนอะ แล้วนางเอกเราก็ไฮ-แฟชั่นสุดๆ ทำเอาจ่า ฟาร์แร็ต (Sergeant Farrat) เห็นนางครั้งแรกแล้วต้องอุทานว่า "ดิออร์" เลยทีเดียว (คือฉากนี้ฮามาก เปิดตัวจ่าได้มีคลาสสุดๆ)
การเดินเรื่องจะมาจากมุมมองของนางเอกเป็นส่วนใหญ่ เหมือนกับว่าเมื่อตอน 10 ขวบเธอก็จำไม่ค่อยได้หรอกว่าทำไมใครๆต้องหาว่าเธอเป็นฆาตกร ทำไมถึงโดนส่งตัวไปอยู่โรงเรียนประจำ ทำไมต้องห่างแม่ไป ทำไมไม่มีพ่อ คือปัญหาล้านแปดกำลังจะได้รับการสะสางในครั้งนี้ เมื่อเธอพร้อมแล้วทั้งความสามารถและจิตวิญญาณ!!
ระหว่างเดินเรื่องมีการคลายปมไปเรื่อยๆ ทำให้เราค่อยๆ "อ๋อ" กับภาพต่างๆที่แวบมาให้เห็น ว่ามันคือภาพอะไร เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น มีความเป็นหนัง "สืบสวน สอบสวน" อยู่ในระดับนึงกับการฟื้นความจำนางเอกว่าทำไมเธอถึงถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร ท่ามกลางอีเว้นท์ต่างๆของหมู่บ้าน ที่ตัวละครแต่ละคน ถูก "เปลี่ยนโฉม" ด้วยสกิลของนางเอก จนกระทั่งทั้งหมู่บ้านมีแต่สาวๆที่แต่งตัวชิคๆ ผิดกับสภาพของบ้านเมืองที่มันโคตรจะบ้านน๊อกบ้านนอก เออ มุมนี้ก็ Absurd อยู่เหมือนกัน แต่มันก็แอบจิกกัดความ Wannabe ของยุคนี้ได้คมคายใช่ย่อยนะ
Liam Hamsworth หล่อมากกกก โอ้วแม่เจ้า พระคุณรุนช่อง ดวงตาคู่นั้น หุ่นนั่น โอ-เอ็ม-จี หนังนี้สนองนี้ดสาวๆได้เป็นอย่างดีค่ะ ยอมใจ อื้อหือ น้ำลายหก ติดตรงมาตกม้าตายโง่ๆนี่แหละ ในใจก็คิดนะ หนังแม่งเล่นตลกอะไรรึเปล่าวะเนี่ย พระเอกแม่งตายโง่ๆแบบนี้เลยเหรอ? สรุปว่าเออ อะไรก็เป็นไปได้ค่ะยูว นางเอกต้องสตรอง เธอต้องสู้ เพราะผัว (เรียกผัวเนอะ) จมข้าวฟ่างในไซโลตาย... (ไซโล - ที่เก็บข้าว)
แล้วสุดท้ายที่ขาดไม่ได้คือ Judy Davis ที่เล่นเป็นแม่ของนางเอก สรุปว่าเป็นตัวละครที่ลึกลับที่สุดในเรื่อง แต่มีบทบาทเป็นคนแก่วิกลจริต ทั้งที่จริงๆแล้วนางเป็นคนฉลาด มั่นใจ และมีฝีมือในการตัดเย็บไม่แพ้สมัยสาวๆ (นางเป็นคนสอนนางเอกให้หัดเย็บเสื้อผ้า) คือนางไม่ใช่ตัวตลกในเรื่องแบบไม่มีคลาสนะ อันนี้คือความมีคลาสของตัวละครชวนหัวตัวนึงเลยทีเดียว แบบ วางบทได้ฉลาดและดีงามมาก
ส่วนคีย์ของเรื่องนี้จริงๆมันคือ "การใช้ชีวิต" อย่าง "มีสติ" และ "สตรอง" เพราะอะไรๆก็เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะผัวตาย โดนกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร มีพ่อเป็นผู้ชายเจ้าชู้ มีเพื่อนร่วมหมู่บ้านบัดซบ ไหนจะขี้ปากคนนินทากาเลเทน้ำ ฯลฯ แต่สิ่งนึงที่จะติดตัวเราไปคลอดคือ "ความสามารถ" หรือสกิลที่เพิ่มมูลค่าให้กับตัวเอง และ "สไตล์" จะเป็นสิ่งที่ทำให้ใครๆต่างจดจำเราได้ เหมือน ทิลลี่ ดันเนจ ตัวเอกของเรื่อง ที่กลับมาเพื่อจากไปอย่างร้อนแรง และมีสไตล์กว่าทุกคนที่เราเคยเจอ!
คะแนนจากความชอบส่วนตัว 10/10
ตัดต่อดี เดินเรื่องเฉียบขาด มุกคม บทสนทนาเก๋ คอสตูมยุค 50s คือเริ่ด กวาดรางวัลจาก Australian Film Institute ประจำปี 2016 ในสาขานักแสดงหญิงยอดเยี่ยม, สมทบชาย-หญิงยอดเยี่ยม (บทแม่-จ่าฟาร์เร็ต) และ Best Costume Design คิดว่าใครเป็นแฟนของแฟชั่นเข้าไปดูเรื่องนี้จะไม่พลาดค่ะ
Disclaimer: I did not purchased ticket myself but all opinion is 100% my own.
0 comments:
แสดงความคิดเห็น
อ่านจบแล้วอยากฝากคอมเม้นอะไรบ้าง?