ทีนี้ประโยคสุดฮิตเลยที่เราจะได้ยินเวลา "หวังดี" ไปให้กำลังใจ สอนให้คิดบวกนู่นนี่ อีเจ้าตัวแม่งจะสวนเรามาด้วยประโยคสุดคลาสสิกว่า:
"เธอไม่ใช่ชั้น เธอจะมาเข้าใจอะไร!!"
"แกไม่ได้มาเป็นชั้นนี่ แกก็พูดได้สิ!!"
อีคนปลอบก็ มองบน...
#มองบนวนไปค่ะ
เชื่อสิ เราก็เคยเป็นอีคนนั้นมาก่อน ใช่ค่ะ อีคนที่บอกว่า "ก็แกไม่ใช่ชั้น แกจะมาเข้าใจอะไร!!" แต่จุดพีคของเรามันอยู่ที่พอพูดเสร็จ บรรลุเองเฉย ว่าเออ "ตัวกูของกู" ถ้าเราไม่เข้าใจตัวเองจะไปมีใครเข้าใจเราวะ? ไปคาดหวังให้คนอื่นมาเข้าใจเราเพื่อ?
หยุดทุกอย่างเลยค่ะ มานั่งคุยกับตัวเอง ออกไปจิบกาแฟ นั่งชิล นั่งอยู่คนเดียว เที่ยวคนเดียว กินข้าว ดูหนัง ทำอะไรคนเดียวแล้วก็ตกผลึก "วิธีคิดบวก" ของตัวเองขึ้นมา ใครจะเอาไปใช้ก็ไม่ว่ากันค่ะ ลองจัดระเบียบความคิดแล้วทำตามสเตปพวกนี้เลย
แบบฝึกหัด สเตปสอนวิธีคิดบวก ใช้ชีวิตแบบโคตรบวก
1. หยุดคิดถึงปัญหาสักครู่ แล้วเอาตัวเองออกมาจาก "ปัญหา" ให้ได้ก่อน
บางทีเวลาเราเจอปัญหาแล้วหาทางไม่ออก จดจ่ออยู่กับอะไรมากๆ เราจะพลาด "ภาพรวม" หรือ The Big Picture ไปค่ะ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องไปขอคำปรึกษาจากคนอื่น เพราะคนนอกเวลามองเข้ามา เค้าจะเห็นรอบด้าน ไม่เห็นว่าสิ่งที่เราเจอมันเป็น "ปัญหา" ที่แก้ไม่ได้ อะไรที่หาทางออกไม่ได้เค้าก็จะบอกให้เรา "ปล่อยวาง" อย่าไปใส่ใจ อันเป็นที่มาถึงคำพูดสุดคลาสสิกข้างบน เพราะคนเจอปัญหามันไม่ได้ปล่อยวางกันง่ายๆ คือถ้าเทได้ตั้งแต่แรกมันก็ไม่เป็นปัญหาแล้วเอาจริง (ฮาา)
2. ไม่สร้างความกดดันให้ตัวเอง
เอาจริงๆชีวิตเราไม่มีอะไรเลย ไม่มีใครเกิดมาแล้วไม่ตาย แถมตายไปก็แค่นั้น เวลามีคนบิ้วให้มามองคนข้างหลัง หรือมองว่าตายไปแล้วได้ทิ้งอะไรไว้ให้ครอบครัว พ่อแม่ ลูกหลาน เราจะเบะปากมองบนมากๆ สำหรับเรา เราเป็นแค่ฝุ่นผงในโลก ในอวกาศ วันนึงเราตายไป คนข้างหลังเค้าก็ต้องอยู่ให้ได้ แถมในสเกลใหญ่ๆระดับโลกหรือระดับประเทศ การตายของเราไม่ได้กระทบอะไรเลยด้วยซ้ำ คนเดียวที่เราควรใส่ใจคือ "ตัวเอง" ทำตัวเองให้ดี ให้มีความสุข ปล่อยให้โลกหมุนไปค่ะไม่ต้องไปแบกมันไว้
3. หาความสุขของตัวเองให้เจอ
ค่อยๆคิด ค่อยๆทำ ทุกอย่างเป็นประสบการณ์ค่ะ ลองอะไรใหม่ๆไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอสิ่งที่ทำให้มีความสุข วันนี้เราตายไปเราจะเสียดาย "อะไร" ที่ไม่ได้ "ทำ" บ้าง มันไม่จำเป็นต้องเป็นเป้าหมายยิ่งใหญ่อลังการอย่าง เที่ยวรอบโลก ช้อปปิ้งกระเป๋าแบรนด์เนม80ใบ แต่มันสามารถเป็นอะไรที่เรียบง่ายอย่าง แก้ผ้านอนอยู่บนเตียงเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรสักวัน หรือกินไอติมรสโปรด เดินเล่นในสวน เลี้ยงปลา ฯลฯ ลองลิสต์มันออกมาแล้วมาเริ่มทำในสิ่งที่ให้ "ความสุข" ในทุกๆวัน จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันทางอารมณ์ที่ดีมาก วันไหนเจอเรื่องลบๆ แค่ได้ลงมือทำอะไรที่ให้ความสุข ปัญหามันก็จะเบาบางลง ไอเรื่องที่ลบๆ ทุกข์ๆ ก็จะกลายเป็นเรื่องเล็กทันที
4. รับผิดชอบการกระทำของตัวเองให้ได้
ส่วนใหญ่สังคมบ้านเราจะเน้น "เชื่อผู้ใหญ่" แต่สุดท้ายพอทำอะไรผิดพลาดขึ้นมาคนรับผิดชอบการกระทำเหล่านั้นคือตัวเรานะ ไม่ใช่คนอื่น ไม่แปลกใจที่เวลาเจอปัญหาเราจะหันไปหาคนใกล้ตัวเพื่อขอความคิดเห็น ขอคำปรึกษา แต่สุดท้าย การกระทำพวกนี้มันคือการ "หาข้ออ้าง" ให้ตัวเองรู้สึกผิดน้อยลงเวลาอะไรพลาดขึ้นมา จะมีคำว่า "ไม่น่าเลย" และ "รู้งี้" มันจะทำให้เกิดพลังงานแง่ลบตามมาได้ง่ายมาก มาเริ่มสร้างภูมิให้ตัวเองด้วยการ "รับผิดชอบ" ในสิ่งต่างๆให้ได้ด้วยตัวเอง เราจะคิดมากขึ้นเวลาพูดอะไรออกไป หรือตัดสินใจทำอะไร เพราะสุดท้าย ไม่ว่ามันจะเป็นการตัดสินใจที่พลาด หรือผิด หรือมีคนไม่เห็นด้วยยังไง เราจะรับมันได้ดีขึ้นเพราะเรา "เลือก" ด้วยตัวเราเอง ไม่ได้ไปทำตามใครเค้าว่ามา ตัวเราเองเวลาใช้วิธีนี้เรารับมือกับพลังงานแง่ลบได้ดีขึ้น อย่างน้อยเป็นบทเรียน อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่เราเลือกแล้ว ย้ำว่า "รับผิดชอบการกระทำของตัวเอง" นะคะ ไม่ใช่ไปรับผิดชอบการกระทำของคนอื่น อันนั้นเรียกว่าหาเรื่องใส่ตัว จะกลายเป็นวนลูป "รู้งี้" และ "ไม่น่าเลย" เอาได้...
5. เห็นแก่ตัวได้แต่อย่าทำให้ใครเดือดร้อน
Selfish = เห็นแก่ตัว คำนี้ดูเป็นคำในแง่ลบ แต่การ "เห็นแก่ส่วนรวม" มากไป มันรังแต่จะเป็นภาระ แล้วตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้า คายไม่ออก เมื่อทำอะไรไปก็ไม่มีใครเห็นความดีของเรา ไม่มีใครเห็นค่าในสิ่งที่เราทำ เพราะเรา "ทำเพื่อคนอื่น" ไม่ได้ "ทำเพื่อตัวเอง" แบบฝึกหัดข้อนีี้ยากที่สุดค่ะ เราจะเห็นแก่ตัวเองยังไงให้ไม่สร้างความเดือดร้อน ไม่ทำร้ายคนอื่น วันไหนทำได้เราจะมี Self Confident (ความมั่นใจในตัวเอง) Self Respect (เคารพในตัวเอง) แล้วก็จะโดนคนด่าว่า Selfish อย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าเราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน หรือบางทีไม่มีคนเดือดร้อนหรอก มีแต่คนร้อนตัว เราก็จะอยู่ในโหมด My life is happy and I don't care if you're not. โดยอัตโนมัติค่ะ (แปลว่าชีวิตชั้นมีความสุขดี ถ้าเธอไม่มีชั้นก็ไม่แคร์อะ)
ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าสิ่งที่เราทำ มันไปขัดกับหลัก จิตวิทยา หรืออะไรรึเปล่า แต่นี่เป็นสิ่งที่เราค่อยๆสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองมาหลายปี คนที่รู้จักเรามานานจะรู้เลยว่าชีวิตเราไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เราเป็นมนุษย์คนนึงที่มีความสุขได้ในทุกช่วงขณะของชีวิตแม้จะผ่านดราม่าซัดมาหลายต่อหลายครั้ง วันนี้เราเขียนบล็อกนี้ขึ้นมาเพื่อแชร์สิ่งที่เราลองทำแล้ว "ชีวิตเราดีขึ้น" ใครที่กำลังมีปัญหาอาจจะต้องอาศัยทางแก้แตกต่างกัน เราไม่ได้บอกว่าวิธีนี้เหมาะกับทุกคน แต่ถ้าใครหาทางออกของปัญหาที่ตัวเองเจออยู่ไม่เจอ เราแค่หวังว่าบล็อกของเราจะพอส่งกำลังใจเป็นเพื่อนเธอผ่านตัวหนังสือได้บ้างไม่มากก็น้อยค่ะ
#ขอโทษด้วยที่บล็อกนี้ไม่มีภาพประกอบ
:)
0 comments:
แสดงความคิดเห็น
อ่านจบแล้วอยากฝากคอมเม้นอะไรบ้าง?